11 กันยายน 2557

รีวิวของใหม่ล่าสุดวันนี้ Mazda CX-5 ดีเซล ครับ

มาสด้า CX-5 ดีเซล

ราคาสินค้า : 1,670,000 บาท

เหตุผลที่ซื้อ : ทดแทนคันเก่าที่ใช้มาหลายปี

ซื้อที่ : ศูนย์มาสด้าใกล้ๆสี่แยกถนนตก

ของแถม โปรโมชั่น : เซลล์ไม่ให้เปิดเผย

ตัวช่วยในการตัดสินใจ : http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=7662:%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-Mazda-CX-5-(2-0-S-,-2-5-S-2-2-XDL)&catid=74:compact-suv&Itemid=93




บทนำกันเลย

          ทำไมเลือกมาสด้า CX-5 นะเหรอ จริงๆรถคันนี้ไม่ใช่ของผมหรอกครับ คันนี้พ่อผมตัดสินใจซื้อมันมาใช้เอง เนื่องจากพ่อผมขับ SUV มาแล้วถึง 2 คันโดยแกเคยขับ มิตซูบิชิ จีวากอน เป็นคันแรก ซึ่งโครตไม่ประทับใจเลยครับ เครื่องดีเซล 2500 อืดมาก ออกต่างจังหวัดจะแซงนี่ลุ้นมากๆๆๆๆว่าจะโดนสิบล้อที่สวนมาเอาไปกินไหม แต่ก็ทนใช้มาได้หลายปี จนมาออกคันต่อมาคือ ฟอร์จูนเนอร์ เครื่องเบนซิน เอาไปติดแก๊สตั้งแต่วิ่งได้ 3500 กิโล ใช้มาจวบจนถึงทุกวันนี้ผ่านไป 7 ปี ยังใช้งานได้ดีอยู่ ไม่เคยซ่อมหนักๆซักนิด แต่วันเวลาผ่านไปรถเริ่มเก่า พ่อผมเลยอยากเปลี่ยนใหม่ และหลังๆอายุเริ่มมาก จึงอยากได้อารมณ์แบบ SUV แต่ขนาดเล็กลงหน่อย จึงได้เริ่มมองรถรุ่นใหม่ในท้องตลาด

ตัวเลือกหละ
       
          เนื่องด้วยปี 2557 (ใส่ปีไว้ มาอ่านอีกทีจะได้ไม่ลืม) มีตัวเลือกไม่มาก

1. ฟอร์จูนเนอร์รุ่นปัจจุบัณ ก็กลัวว่าออกรถใหม่แต่ได้อารมณ์เดิมๆ และได้ข่าวว่าสิ้นปีจะเมเจอร์เชนจ์ เลยมองข้ามไป

2. MU-X ของ อีซูซุ จริงๆพ่อผมชอบมากเลยนะ แกว่ามันลงตัวมาก แต่โดนพี่สาวเบรกไว้หัวทิ่ม เพราะภายในยังดูเชยๆ แบบกระบะอยู่เลย แล้วก็กลัวรถมันจะโดดๆแบบรถกระบะ จึงตัดไปอีกตัวเลือก

3. BMW X3ในทีแรก พ่อผมมีความคิดว่า อายุก็มากแล้ว ให้รางวัลตัวเองกับรถแพงๆไปเลยเพราะคันนี้สงสัยเป็นคันที่แกจะขับคันสุดท้ายแล้ว โดยปีนี้ BMW กำลังจะออก X3 ตัวไมเนอร์เชนจ์ปลายปี จึงทำโปรแกรมซุปเปอร์คุ้มค่าออกมาเพื่อเคลี่ยร์ X3 ตัวเก่า มี BSI (เข้าศูนย์บริการไม่เสียเงินซักบาท นาน 6 ปี ประกันภัยชั้น 1 นาน 3 ปี และเพิ่มการรับประกันรถนานกว่า 100000โล (จริงๆจำไม่ได้ว่าได้กี่แสน ฮ่าๆๆๆ)) แต่พอไปดูรถและผมได้ไปลองด้วยแล้ว จริงๆมันเป็นรถที่ดีมากครับ แต่มันไฮเทคมากเกินไปที่พ่อผมจะใช้ได้แน่ๆ ปุ่มเพียบ ระบบนู่นนี่เยอะมาก (ขนาดทีวีดาวเทียมที่บ้านผมสอนวิธีกดปุ่มต่างๆหลายรอบแล้ว แกยังจำไม่ได้) และโดยเฉพาะเกียร์ของมัน เกียร์ BMW X3 นี่มันจะเป็นแท่งขึ้นมา เอาไว้โยก พอเราโยกเสร็จมันจะกลับมาที่ตำแหน่งเดิม แม่งใช้ยากมาก เกินความสามารถแกแน่ๆ มันเหมือนเกมส์ตู้ที่เราขับรถตามห้าง มันไม่มีขั้นบับไดเกียร์ ทำให้ผมตัดสินใจเลยว่า BMW X3 ดีมาก แต่ไม่เหมาะกับพ่อผมแน่ๆ

4. Honda CR-V คือจริงๆก็อยากเชียร์นะ และชอบฮอนด้าเป็นการส่วนตัว แต่หลังประสบกับการประกอบของฮอนด้า Accord G8 เครื่อง 2.0 และ Honda Jazz นี่ ทำให้ผมแทบไม่อยากออกรถ Honda อีกต่อไปเลยครับ

มันเลยมาเป็นนายไง Mazda CX-5

          พอตัดสินใจได้เลยพากันไปดูรถแถวๆแยกถนนตก (ไปหาเอาเองว่าเจ้าไหน) เข้าไปในศูนย์ ไม่น่าเชื่อว่ามีรถเลย สีขาวที่เล็งไว้ 1 คัน ในโชว์รูม เลยยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ดูรถเสร็จกลับมาตัดสินใจ 1 วัน ไปจองเลย เป็นการซื้อรถของที่บ้านที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยซื้อมาเลย

เวลาล่วงเลยมา 2 อาทิตย์เพราะรอฤกษ์ออกรอตรงกับวันนี้ครับ 11/9/2557 เพราะวันนี้ดีสำหรับปีไก่ ซึ่งพ่อผมเกิดปีไก่ และไม่ชงกับใครเลย แถมสีที่เป็นมงคลวันนี้คือสีขาวอีก ลงตัวสุดๆ (ดูปฎิทินจีนเอาเอง) เลยให้พนักงานขายที่ศูนย์นี้มาส่งครับ เฮงๆยามเช้า 9 โมงกว่าๆก็มาแล้ว

รีวิวขำๆ 

          ผมไม่ได้เป็นกูรู ด้านรถเลยถ้าอยากอ่านแบบเจาะลึกทุกประเด็น ผมขอแนะนำเวปของคุณ Jimmy ครับ http://www.headlightmag.com/
ในส่วนของ CX-5 ลิ้งนี้ครับ http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=7662:%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-Mazda-CX-5-(2-0-S-,-2-5-S-2-2-XDL)&catid=74:compact-suv&Itemid=93 ไปอ่านดูครับ คุณ Jimmy ได้ทดลองไว้ดีมากๆๆๆๆ ครับ ผมจะซื้อรถทีไร ไปอ่านของแกรีวิวทุกครั้ง

ส่วนรีวิวจากผมเป็นเรื่องความรู้สึกส่วนตัวที่อยากจะบอกออกมาครับ

1. เรื่องภายนอกรถ


ด้านหน้า
นี่จัดว่าสวยมาก มันดูลงตัวแบบสปอร์ตๆ กระจังหน้ามันเด่นมาก และ ไฟหน้าก็สอดรับไปกับเส้นสายของรถ ซึ่งมันดูโฉบเฉี่ยวสมัยใหม่ดีครับ ใต้ไฟหน้าในรูปจะเห็นพลาสติกรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มันซ่อนที่ฉีดน้ำของไฟหน้าอยู่ครับ ถ้าคุณฉีดน้ำปัดน้ำฝน ไอ้ที่ฉีดน้ำไฟหน้ามันจะยื่นออกมาครับ แอบแปลกดี


ด้านข้าง
ดูธรรมดาครับ ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น แต่ที่ต้องขอชมคืองานประกอบครับ เส้นสายประตูมันต่อเนื่องกันหมดเลย ไม่เหมือนไอ้ฮอนด้า แอคคอร์ด G8 คันเก่าของผม เส้นสายเยอะ แต่ประกอบไม่ต่อกันมันเลยดูออกง่ายว่าประกอบไม่ดี แต่คันนี้ประกอบมา OK ครับ ล้อแมก 19 นิ้ว แถมยาง TOYO มา มั่นใจเลยว่าตอนเปลี่ยนยางมีร้องไห้กับราคายางแน่นอน



ด้านท้าย
มันดูธรรมดามาาาาาาาาาก ไม่มีอะไรเลยครับ คือจริงๆผมไม่ชอบท้ายมันเท่าไหร่เลย ทั้งไฟท้าย กระจกก็บานเล็ก มันดูแปลกๆ เลยทำให้รถดูเล็กๆยังไงไม่รู้ อ่อ ทุกรุ่นของ CX-5 ถ้าผมจำไม่ผิดจะมีเซ็นเซอร์กันชนทั้งหน้ารถ และหลังรถ รวมทั้งกล้องมองหลังทุกรุ่นเป็นมาตรฐานนะครับ

2. ภายในรถ

ผมว่าพลาสติกที่เอามาทำมันดูราคาถูกไปนิดนึงนะครับ (ราวๆฮอนด้าแจ๊สของน้องสาวเลย) มันดูไม่หรูหรา แต่ก็พอรับได้ครับ งานต่อพลาสติกข้างในถือว่าทำได้ดี

 ความกว้างการเปิดประตูหน้า ขึ้นลงสบายๆครับ ไม่มีปัญหาอะไร



ความกว้างการเปิดประตูหลัง ผมบอกตรงๆครับ ด้านหลังมันแอบขึ้นลงยากครับ มันเหมือนติดๆเบาะยังไงไม่รู้ มันก้าวขึ้งลงลำบากนิดนึงนะ ช่องตรงพื้นเหลือน้อยนิด ขามันติดๆ ยากๆ






ประตูด้านหลัง 
เปิดออกมาโดยปุ่ม (คล้ายๆเดือยให้กดเปิด) ประตูก็จะเด้งเปิดออกมาครับ มีกล้องมองหลังเป็นมาตรฐานครับ โดยด้านหลังถือว่ากว้างขวางใช้ได้ครับ น่าจะวางถุงกอล์ฟเรียงกันได้ซัก 3 ใบ กระเป๋าเดินทางทรงตั้ง น่าจะได้ซัก 4 ใบ สบายๆครับ ใต้ที่วางของมีแผ่นปิดยางอะไหล่และเครื่องมือ แม่แรง อยู่ด้านใน โดยทางมาสด้าได้มีแผ่นยางที่ต่อจากเบาะหลังมาเกี่ยวกับประตูหลังด้วย เพื่อบังตาไม่ให้คนมองเห็นหลังรถเผื่อจะเอากระเป๋า หรือของมีค่าวาง คนภายนอกก็จะมองไม่เห็นครับ

 

แผงประตูหน้า
เส้นสายแนวสปร์ต ที่วางแขนถือว่าสบายใช้ได้ มีช่องใส่ของที่เล็กมากเพราะโดนช่องที่ใส่ลำโพงกินที่ไปหมดเลยครับ


ปุ่มปรับที่แผงประตูคนขับ
มีปุ่มที่แปลกก็คือปุ่มบนสุดที่หมุนได้ครับ เอาไว้หมุนปรับกระจกมองข้าง โดยหมุนไปที่ LR แล้วโยกก้านขึ้นลงซ้ายขวาเพื่อปรับตำแหน่งกระจก โดยถ้าคุณหมุนไปที่ตำแหน่งบนสุดจะเป็นพับกระจกครับ รุ่นนี้ไม่ได้พับกระจกข้างเมื่อ ล๊อครถ นะครับ แอบเสียดายน่าจะมีมาด้วย
ไม่มีปุ่มกด ล๊อค หรือ เปิด รถนะครับ ต้องเลื่อนปุ่มล๊อคตรงที่เปิดประตูเอาครับ


แผงประตูหลังก็พอกันเลยครับ ที่ใส่ของน้อยมาก วางขวดเล็กๆ ได้ 1 ขวดมั้งครับ



ฝั่งคนขับ
  • มันดูสปอร์ตตามแนวของรถนะครับ พวงมาลัย 3 ก้าน 
  • ปุ่มบนพวงมาลัยด้านขวาเป็น ชุดควบคุมความเร็ว cruise control 
  • ปุ่มบนพวงมาลัยด้านซ้ายเป็น ชุดควบคุมเครื่องเสียง และ รับ / วางโทรศัพท์ (เมื่อโทรศัพท์คุณต่อ Bluetooth )
  • แผงหน้าปัทม์ แบ่งได้สวยงาม มีจอบอกความเร็วเฉลี่ยที่ขับมา อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และปริมาณน้ำมันในถังขับได้อีกเท่าใด 


ด้านขวาของพวงมาลัยนั้นมีปุ่มต่างๆมากมายครับเป็นฟังชั่นพิเศษสำหรับเครื่อง ดีเซล ครับซึ่งผมก็จำที่เซลอธิบายมาไม่หมดนะครับ ซึ่งทุกฟังชั้นนี้มันได้ทำการเปิดทุกครั้งนะครับที่เราสตาร์ตเครื่อง ถ้าเราไม่อยากใช้ฟังชั่นนั้นๆ ก็กดปิดมันครับ แต่ถ้าดับเครื่องและสตาร์ท มันก็จะกลับมาทำงานใหม่อีก

  • TCS Off คือกันล้อฟรีขณะออกตัว 
  • ! SET คือ เซตค่ายางลมอ่อนครับ คือระบบจะเตือนเมื่อยางรถเราลมล้อใดล้อหนึงมันลดลง เมื่อเราไปเติมมันเท่ากันแล้วก็ต้องกดเพื่อให้มันรีเซ็ตค่าครับ
  • i-stop OFF คือฟังชั่นที่แปลกดีครับ (ผมเจอมาใน BMW X3 แล้วตอนไปลองรถ แต่ไม่คิดว่า CX-5 จะใส่มาด้วย) มันคือเมื่อเราจอดรถติดและยังเหยียบเบรกอยู่แบบติดไฟแดง เครื่องยนต์จะดับเองครับ (ในขณะที่ยังเหยียบเบรกอยู่นะครับ) พอคุณปล่อยเบรก เครื่องจะกลับมาทำงานต่อในทันทีครับ มาสด้าเคลมว่า 0.4 วินาทีครับ การให้เครื่องกลับมาติดอีกครั้ง
  • AFS-OFF คือ รุ่นนี้ (ดีเซล) จะมีระบบไฟหน้าที่เป็นโปรเจคเตอร์มันจะหมุนตามพวงมาลัยเวลาเราเข้าเลี้ยวครับ ถ้าคุณไม่ชอบก็กดปิดครับ

ก้านพวงมาลัยขวา เป็นการปรับไฟหน้า ไฟตัดหมอกหน้า/หลัง และไฟเลี้ยวครับ โดยรุ่นนี้ไฟหน้าเป็นแบบมีเซ็นเซอร์วัดความมืดนะครับ พอเราขับเข้าไปในที่มืด ไฟหน้ามันติดเองอัตโนมัติครับ โดยเรากดไปที่ AUTO แต่ถ้าอยากเปิดเองก็หมุนก้านเอาครับ

ก้านด้านซ้ายเป็นเรื่องใบปัดน้ำฝนครับ รุ่นนี้ก็เป็นแบบ AUTO เหมือนกัน คือมีเซ็นเซอร์จับว่าฝนตกไหมและการปักฝนต้องทำงานแรงเท่าไหร่ โดยเราก็หมุนปรับมือได้เหมือนเดิมครับ ส่วนด้านหลังมีใบปัดน้ำฝนนะครับ ควมคุมที่ก้านนี้ด้วยครับ


คอนโซลกลาง
          ซุปเปอร์ธรรมดาเลยครับ กับรถราคา 1.67 ล้านบาท จริงๆมันน่าจะได้อะไรที่ดีกว่านี้หน่อย คือแอร์มันเป็นแบบดิจิตอลนะครับ แต่ใช้วิธีหมุนๆ ปรับไอ้กลมๆ 3 อันนั่นแหละครับ คนออกแบบคงอยากให้มันมีเส้นสายลูกเล่น แต่ผมดันกลับชอบแบบปุ่มมากกว่า แอร์ปรับแยกซ้ายขวาได้อิสระนะครับ คนขับหนาว คนนั่งร้อน ไปแยกอุณหภูมิเอาเอง แต่ที่ผมไม่ชอบใจคือ มันต้องละสายตาจากการขับรถลงมาปรับมากเกินไป มันออกแนวเตี้ยๆยังไงไม่รู้ มุมมองค่าของแอร์มันยากไปนิดหน่อย ก็อย่าปรับแอร์ไป ขับรถไปเอาแล้วกันครับ


วิทยุ
          ตอนแรกผมนึกว่ามันมีจอมาจะเล่น DVD หนังได้ แต่ทุกรุ่นทำไม่ได้นะครับ ไม่สามารถเล่น DVD CD หนังได้นะครับ ใส่ CD เพลงได้ครั้งละ 1 แผ่น รองรับ USB AUX (เสียบสาย 3.5 มิลจากโทรศัพท์เข้าไปที่รูใต้ที่วางแขน) FM AM รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth กับโทรศัพท์มือถือ โดยที่วิทยุไม่รองรับภาษาไทย จบเห่เลยครับ Contact ภาษาไทยไม่ขึ้น ชื่อเพลงภาษาไทยไม่ขึ้นนะครับ แต่ยังดีถ้าคุณจะเปลี่ยนวิทยุมันไม่ยากครับ มันแยกจอแสดงผลแยกกันกับแอร์ครับ ( Accord G8 ผม มันแสดงผลแอร์ที่จอแสดงผลวิทยุ มันเลยต้องดัดแปลงนิดหน่อยเมื่อจะเปลี่ยนวิทยุครับ) โดยลำโพงเป็นของ BOSE นะครับ


คันเกียร์
แบบขั้นบันไดที่คุ้นเคย โดยคุณสามารถตบลงมาเล่นเกียร์ Manual ได้โดยตบมาที่ M แล้วโยกขึ้นลงเพื่อเปลี่ยนเกียร์ครับ


เกะหน้าก็วัสดุไม่ค่อยดีครับ มันดูบอบบาง และใส่ของได้น้อยมาครับ แค่คู่มือก็ล่อไป 1/3 ของเกะแล้วนะ


รีโมทแบบเอาไว้กดเปิด ปิด รถครับ โดยที่หลังรีโมทมีกุญแจซ่อนอยู่ เอาไว้ไขเข้ารถได้เมื่อระบบไฟมีปัญหา เราจะได้เข้าไปในรถได้ก็ยังดี


รถทุกรุ่น ใช้ปุ่ม Engine Start ครับ 
โดยเราต้องเหยียบเบรกแล้วกดปุ่มสตาร์ต รถถึงจะติด โดยวิธีดับเครื่องต้องเข้าเกียร์ P แล้วกดปุ่มปิดได้เลย
แต่ถ้าเราแค่ต้องการให้ไฟเลี้ยงวิทยุเฉยๆ ก็ไม่ต้องเหยียบเบรก กดปุ่ม 1 ครั้งจะเป็นไฟเลี้ยงเหมือนเราไขกุญแจรถทั่วไป 1 ขั้น 
แต่ถ้าเรากดปุ่ม 2 ครั้ง จะเป็นไฟเลี้ยงแอร์ด้วย เราจะเปิดแอร์ได้ครับ เหมือนไขกุญแจรถทั่วไป 2 ขั้น


แป้นคันเร่ง และ เบรก 
คันเร่งนี่เต็มแผ่นมาก วางเท้าได้สบายดีมากครับ แป้นเบรกเล็กไปนิดหน่อย แต่ก็ใช้งานได้ถนัดดี แต่ที่วางพักเท้าซ้ายนี่สิ มันไม่มียางอะไรมารองเลยเลอะเต็มๆ ส่วนขาวๆที่เห็นข้างหลัง พอเลยระยะสายตาไปสงสัยลดต้นทุน เป็นขาวๆแบบนี้หมดคล้ายๆโฟม (น่าจะเป็นแผ่นที่เก็บเสียง) มันน่าจะมีอะไรมาบังจาให้หมดนะครับ รถราคาขนาดนี้ ก้มไปเห็นสายไฟครบทุกเส้น หรือกะให้ช่าง Service ง่ายๆก็ไม่รู้

ที่เปิดฝากระโปรงหน้า อยู่ด้านขวามือของคนขับด้านล่าง


ที่เปิดฝาถังน้ำมัน อยู่ข้างๆเบาะคนขับ โดยใช้วิธีการดึงสลักตัวนี้ขั้นมาครับฝาถังน้ำมันก็จะเด้งเปิดออกมา





ที่บังแดด 
คือแบบไม่มีดีไซน์อย่างแรงครับ วัสดุดูไม่มีราคาเหมือนรถเมื่อ 10 ปีที่แล้วเลยครับ ยังดีที่เมื่อสไลด์แผงบังกระจกออก ไฟก็จะติดเองครับ คุณผู้หญิงที่แต่งหน้าในรถน่าจะชอบ



ไฟส่องแผนที่มีที่เก็บแว่นได้ 1 อันครับ โดยมีปุ่มเปิดปิดไฟส่องแผนที่ครับ เวลาเปิดนี่ติดหมดทุกดวงนะ ทั้งไฟกลางรถด้วย (ลืมถ่ายรูปมา) หลังกระจกมองหลังจะมีเซ็นเซอร์วัดความมืด สว่างเพื่อเอาไว้เปิดไฟหน้าอัตโนมัติครับ


เบาะหน้า
ผมว่าเบาะหน้าเป็นอะไรที่ออกแบบมาได้ลงตัวดีครับ หนังมันนุ่มๆ การเข้ารูปเบาะ การตัดเย็บ เข้าตะเข็บทำได้เนียนมากครับ นั่งแล้วกระชับสบายมาก รับกับหลังได้ดีครับ ด้านข้างของเบาะก็รับกับสรีระของคนได้กระชับ แต่ถ้าใครชอบนั่งแบบสบายๆไม่มีอะไรมากระชับด้านข้างอาจมีรำคาญนะ ส่วนเบาะช่วงขาก็ยาวรับกับกันและช่วงใต้ขาได้ดีครับ 

แต่ที่อยากติสุดๆเลยคือ เบาะไฟฟ้าแค่คนขับด้านเดียวเลยครับ แถมราคา 1.67 ล้าน ผมว่ามันน่าจะมีเมมโมรี่ในการตั้งค่าเบาะได้แล้วนะครับ บางครั้งเราปรับเบาะที่ชอบ พอมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง มันหาทางกลับมาเป็บแบบที่ชอบอีกยากนะครับ ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมรถญี่ปุ่นเค้าไม่ทำกันหรือไง ไอ้เมมโมรี่เบาะเนี่ย Volvo 940 GLE คันแก่ๆของที่บ้าน (ขายไปแล้ว) ยังมีเมมโมรี่ได้ 3 คนเลยครับส่วนคนนั่งหน้าฝั่งซ้าย ไม่ต้องคาดหวังครับ อัตโนมือ ล้วนๆ ไฟฟ้งไฟฟ้าไม่มีนะครับ

ตรงกลางมีที่วางแก้ว 2 ช่อง ซึ่ง ทางมาสด้าแถมของแปลกมาแบบงงๆ 1 อันครับ (ลืมถ่ายรูปมา) คือจริงๆหลุมที่วางแก้วมันลึกเท่ากัน ซึ่งความลึกของมันเหมาะกับแก้วทรงสูง แบบแก้วโค้กแมกโดนัลขนาดกลาง คือถ้าใส่แก้วแบบเตี้ยมันจะหยิบแก้วขั้นมาลำบากมาก แล้วเค้าคงคิดแล้วว่าถ้าเป็นงี้โดยด่าแน่ เลยแถมที่หนุนแก้วเป็นคล้ายๆโฟมแข็งๆสีเทา ใส่ลงไปในหลุมเลยเพื่อจะได้รองแก้วให้สูงขึ้นมา แถมไอ้โฟมอันนี้มันเอาออกจากหลุมได้ด้วย ใช้ไปนานๆ เผลอๆหาย เพราะถ้ารองโฟมมันไว้ แล้วใส่แก้วทรงสูง มันจะสูงเกินไปครับ 


เบาะหลัง
ก็ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่สามารถพับลงมานอนได้แยกชิ้นเลยครับ คือพับกันได้ทั้ง 3 เบาะแยกอิสระ แต่ที่อยากติคือ ช่วงความยาวเบาะที่รับกับขาของเรามันสั้งไปนิดครับ มันนั่งแล้วไม่ค่อยเต็มยังไงไม่รู้ โดยที่เบาะหลังคุณไม่สามารถ สไลด์มันขึ้นลง เพื่อเพิ่มกวามกว้าง หรือ ดันขึ้นเพื่อเพิ่มที่บรรจุของด้านหลังได้นะครับ โดยเซลล์ได้บอกกับผมว่า เพราะ มาสด้ารุ่นนี้มีถุงลมนิรภัยทั้งหมดน่าจะ 8 ใบ โดยมีด้านข้างคนนั่งทั้งหน้าและหลัง ถ้าด้านหลังมีการปรับตำแหน่งเบาะได้ จะทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และถุงลมนิรภัยทำงาน อาจจะป้องกันคนนั่งหลังได้ไม่เต็มที่ (อืมเค้าก็คิดมาได้ดีนะอันนี้ เพราะจริงๆด้านหลังที่ก็เหลือๆนะ)


ความกว้างที่เหลือของเบาะหน้ากับเบาะหลัง
ลองดูสิครับ ผมสูง 165 ซม. โดยผมปรับที่นั่งด้านหน้าเอาที่ผมขับรถแล้วสบายๆ พอผมลองไปนั่งข้างหลังมันก็ยังมีระยะห่างระหว่างเข่ากับเบาะหน้าเหลือๆเลยครับ 

3. การทดลองขับ (เนื่องจากยังไม่ได้ลองทางไกล 13/9/2557
          


          ผมทดลองแค่ในหมู่บ้านผมเท่านั้นนะครับ ยังไม่ได้ลองใช้ความเร็วเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าได้ไปลองซัดไกลๆจะมาอัพเดทอีกที 

          เรื่องความแรง ผมถือว่ามันทำได้ดีนะ แตะแล้วมาเลย ไม่ต้องรอ เสียงเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งนอกรถและในรถถือว่าเบากว่าดีเซลทั่วไป แต่ยังไม่เงียบเท่าเบนซิน แต่ก็ถือว่าดีมากแล้ว 

          เรื่องเบรก คือไมล์รถเพิ่งใช้มาราวๆ 90 กม. ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเบรกยังไม่เข้าที่หรืออย่างไร เวลาเลียเบรกจนรถจะหยุด จะมีเสียงออกมาดังมาก ครืดคราด ขับไปราวๆ 10 นาที เบรกไปมาถึงจะเริ่มเบาลง ไม่ค่อยประทับใจ อันนี้ต้องลองดูอีกที 

          เรื่องความนิ่ม ผมถือว่าเกือบใกล้เคียงระดับรถเก๋งในด้านหน้านะครับ แต่ด้านหลังน่าจะมีอาการบ้าง หมู่บ้านผมเนินกันรถวิ่งเร็วเยอะมาก ทำให้ได้ลองหลายๆครั้ง ด้านหน้านี่นิ่มนวลมากครับ พอผ่านเนิน มันจะเด้งแต่ครั้งเดียวแบบนิ่มๆ แต่ด้านหลังผมว่ามันเด้ง 2-3 ครั้งกว่ารถจะนิ่ง คนนั่งหลังผมว่าน่าจะมีมึนๆบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจเพราะผมขับคนเดียว นั่งคนเดียว ถ้ามีคนมานั่งถ่วงด้านหลัง มันอาจจะพอดีๆก็ได้

ขอจบแบบนี้เลยแล้วกันเพราะยังไม่ได้ลองให้แน่นอน แต่ถ้าอยากอ่านเจาะลึกผมว่าไปอ่านใน http://www.headlightmag.com/ ครับ คุณ Jimmy รีวิวไว้ได้สุดยอดมาก ทั้งอัตราความเร็ว ความแรง ความนิ่ง การสิ้นเปลืองน้ำมัน ที่ผมพิมพ์มา มันความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไปลองเองที่ศูนย์บริการครับ ได้เจอของจริงแน่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น