คำนำ
ในวงการธุรกิจที่กิจการที่บ้านผมทำ ทำให้ได้ติดต่อกับบริษัทข้ามชาติในวงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการซื้อ การขาย แต่นอกเหนือจากการซื้อขาย ยังมีอีกสิ่งหนึ่งได้รับจากใจของบริษัทต่างๆ คือ การเลี้ยงขอบคุณลูกค้าประจำปี
ทุกๆปี แต่ละบริษัทก็จะจัดงานเลี้ยงซัก 1 ครั้ง เพื่อเป็นการให้คู่ค้าต่างๆทั่วทั้งประเทศ มาพบปะสังสรรค์กัน ( จริงๆก็ง่ายๆ ให้มาเจอกันให้รู้กันไปเลยว่าคนไหนขายของได้ที่ 123.... บลาๆ โดยเราจะมีการจับรางวัลประจำปีกัน เราก็จะได้เห็นว่าเจ้าไหนที่คูปอง เยอะสุด ก็เจ้านั้นแหละที่ขายของได้มาก 55 โดยทางบริษัทก็ยิงปืนนัดเดียวได้นก หลาย ตัว 1.เลี้ยงลูกค้าให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 2. ต้องการค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ด้านการทำภาษี 3.แสดงศักยภาพให้ฝ่ายต่างประเทศ หรือ CEO จากภูมิภาคเอเชียว่า ลูกค้าในประเทศเยอะนะจ้า ) แต่มีอยู่ 1 บริษัท (ขอไม่เอ่ยนาม) ซึ่งผมได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปีทีไร ผมรู้สึกว่า นี่มันเชิญมาพักผ่อนแบบจริงๆจังๆมากๆ คือ ทั้งวันไม่มีกิจกรรมอะไรเลย (คือมีโปรแกรมให้ออกไปเที่ยวกัน แต่ไม่ไปก็ได้ ไม่ได้บังคับอะไรเลย) พักผ่อนกันไป นอนกันยาวๆ พามาพักผ่อนเท่านั้น ซึ่งผมชอบมากครับ (แต่ไม่ชอบปีนี้เพราะเวลาเข้าช่วงขายของ แต่ก็ต้องไปอะนะ)
ซึ่งปีนี้ บริษัทนี้ก็จัดที่พัทยา ชื่อโรงแรมคือ เคปดารา รีสอร์ท พัทยา แหม่ แค่ชื่อก็อยากนอนแล้ว 55
ดังนั้นไหนๆได้มีโอกาสไปฟรี ผมก็ขอถ่ายรูป เก็บความทรงจำ และ ชักนำทุกท่านมาให้ได้อ่านรีวิวนี้ครับ
รีวิว เคปดารา รีสอร์ท พัทยา
( ป้ายเห็นชัดเจนมาก )
โดยทุกท่านสามารถกดไปดูเว็บไซต์ของทาง เคปดารา รีสอร์ท พัทยา ได้ครับ
http://www.capedarapattaya.com/
เหมือนเดิมครับ ผมจะไล่ไปเป็นข้อๆ รวมทั้งใส่ความเห็นส่วนตัวลงไปด้วย ไม่มีการอวยใดๆ เพราะก็แค่คนนึงที่ได้ไปในฐานะลูกค้าของโรงแรม
การเดินทางก่อนเลย
ผมขับรถจากกรุงเทพไปเองเหมือนเดิม ( และแน่นอน เอาลูกไปด้วย T_T เหนื่อยแท้ ) ขับไปทางมอเตอร์เวย์ จนสุดทางก็เลี้ยวขวาเข้าพัทยาเหนือ ขับสุดถนนพัทยาเหนือก็จะเป็นวงเวียน เลี้ยวเข้าถนน พัทยา-นาเกลือ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน นาเกลือ 20 สุดถนนก็ถึงที่หมายแล้วครับ เคปดารา รีสอร์ท พัทยา หาง่ายมากเพราะอาคารเป็นตึกโดดเด่นมาก
( ตำแหน่งที่ตั้งของ เคปดารา รีสอร์ท พัทยา )
ดูจาก Google Maps จะเห็นได้เลยครับว่าติดทะเลนะครับ ( แต่น้ำทะเลนะเหรอ น่าจะเล่นไม่ได้ ไล่ๆอ่านไปจะเห็นภาพที่ผมถ่ายมาครับ ว่าทำไมเล่นน้ำทะเลไม่ได้ ) เดินทางมาไม่ยาก เข้าใจง่าย
ความสะดวกสบายของที่ตั้ง จัดได้ว่าสะดวกมากครับ แม้ซอย นาเกลือ 20 จะลึกซักหน่อย แต่หน้าซอยมี Family Mart อยู่ และรอบๆถนนนาเกลือก็มีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆมากมาย ไม่มีอดตายครับ
ความเงียบและความเป็นส่วนตัว
เนื่องจากที่ตั้งของโรงแรมอยู่สุดซอย และทางเข้าก็เฉพาะเจาะจงถึงจะเข้าไปในส่วนโรงแรมได้ และในซอย นาเกลือ 20 ก็เป็นลักษณะบ้านเก่าๆ และโรงแรมเก่าๆ ดังนั้นจึงไม่มีเสียงความบันเทิงของพัทยาจากภายนอกเข้ามารบกวนเลยซักนิดเดียว หายากนะครับ โรงแรมในพัทยาที่เงียบๆ ไม่เจอแสง สี เสียง ความบันเทิงของพัทยามาทำลายความสงบ ขอชมเชยเลยครับ
ลักษณะโดยรวมของโรงแรม
( อาคารสูงมาก เด่น ตระหง่านอยู่คนเดียวภายในซอย )
คือผมก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า Hotel กับ Resort เท่าไหร่ แต่ในมโนภาพของผม โรงแรมคือ เป็นอาคารสูงๆ มีห้องต่อชั้นเยอะๆ จำนวนห้องมีมาก ส่วน รีสอร์ท คือ คล้ายๆออกแนวบ้านพัก เงียบๆ ส่วนตัว เป็นหลังๆ หรือ ปริมาณห้องต่ออาคารมีน้อยๆ อาคารเตี้ยๆ 2-3 ชั้น
แต่ไม่ใช่ที่นี่ครับ
ผมเคยไปพักเคปนิทรา หัวหินมา ยังใช้คำว่า โรงแรมเคปนิทรา หัวหิน คือมีอาคารเดียว ออกแนวกว้าง และ สูง 3 ชั้น แต่กับ เคปดารา รีสอร์ท พัทยา ดันเป็นอาคารสูงแบบ 10 กว่าชั้นเลยนะครับ ชั้นนึงมีราวๆ 10 - 20 ห้อง แบบโรงแรมทั่วไป เลยงงๆครับ (สงสัยผมติดภาพว่า เคปดาราพัทยา มันน่าจะคล้ายๆ เคปนิทรา หัวหิน) แต่ก็เข้าใจครับ ที่ดินพัทยามันแพง อาคารก็ต้องเล่นแนวตั้งซะเป็นส่วนมาก
พอผมเลี้ยวรถเข้าไป ก็พบกับป้ายชื่อโรงแรม ให้รู้ว่า มาถูกที่แล้วนะค้าบ ทันที
สำหรับตัวโรงแรม ผมขอไล่เป็นข้อๆ เหมือนเดิม
1. การจอดรถรับส่ง
( ที่จอดส่งคนสะดวกมากครับ )
จัดได้ว่าสะดวกสบาย คือมีเนินเล็กๆเพื่อส่งคนลงที่หน้าทางเข้าของโรงแรม โดยพนักงานก็ยืนใส่ชุดหล่อๆของโรงแรมคอยต้อนรับอย่างดีมาก สามารถเข็นรถขนกระเป๋ามาเทียบกับรถของเราได้อย่างสะดวกมากมาย ติดอย่างเดียว ทางมันบีบให้สามารถขึ้นลงได้ทีละ 1 คัน
2. ที่จอดรถ
ข้อนี้ผมถึงขั้นงง พอเลยจุดส่งคนมาก็มีทางให้วนขึ้นที่จอดรถ ย้ำนะครับ วนขึ้น คือเลี้ยวขึ้นอาคารที่เราเห็นสูงๆนั่นแหละ มีที่จอดรถอยู่ ชั้นนึงจอดได้แค่ 7 คัน วนไปชั้นที่ 1 เห็นจอดได้ 7 คันก็เต็ม คิดในใจ แม่มต้องไปจอดชั้นไหนฟระนี่ โดยลืมไปว่า คนมาพัทยาทุกคนไม่ได้เอารถมานะครับ การจอดรถไม่ได้หนาแน่นเหมือนตามห้าง หรือ คอนโด ผมจึงวนแค่ชั้น 3 ก็มีที่จอดแล้ว ฝั่งจอดรถก็มีลิฟท์บริการขึ้นลงเข้าไปในลอบบี้โรงแรมเลย สะดวกดี (ลิฟท์ขึ้นที่จอดรถกับขึ้นห้องพักคนละที่กัน)
3. การเช็คอิน
( เส้นสายของไม้เป็นเส้นนำสายตาให้เรามองไปหาที่ฟอร์น )
( พนักงานรับเรื่องและเดินนำให้ไปนั่งรอรับกุญแจ )
พอเข้าไปจุดเช็คอิน มีพนักงานของโรงแรมมาต้อนรับ โดยภรรยาผมแจ้งทางเจ้าหน้าที่โรงแรมไปว่า เรามาในนามของ บริษัท . . . (ที่เชิญมางานเลี้ยงสังสรรค์) . . . .
พนักงานก็พาเดินไปนั่งรอสบายๆที่เก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ เพื่อให้เย็นใจในการเช็คอิน ซักพนักงานคนเดิมก็เดินมาแล้วก็ให้ Key Card จำนวน 2 ใบ สีฟ้าสดใสสวยงามดั่ง Theme ของโรงแรม และกระดาษ 1 ใบระบุว่ากระเป๋าของเรามีกี่ใบ พนักงานต้องไปส่งที่ห้องไหน
แต่ในระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องที่ไม่น่าเป็นเรื่องขึ้น คือ ทางโรงแรมจะมี Welcome Drink เป็นน้ำมะนาวผสมอัญชัญ (มั้ง) แต่พนักงานที่ถือน้ำมา เค้าเดินผ่านกลุ่มของผมไป อย่างไร้เยื่อใย โดยภรรยาผมได้เรียกพนักงานคนนั้นเบาๆ สงสัยไม่ได้ยิน เลยต้องเดินไปขอมาดื่มเอง คือ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ อากาศมันร้อน อยากดื่มน้ำเย็นๆอะ
( เก้าอี้ที่พนักงานต้อนรับพาเดินให้มานั่งรอ )
( มีเก้าอี้ และ โซฟา สำหรับนอนโดยรอบหลากหลายแบบ )
( จากหน้าฟอร์ท เมื่อเรามองไปทางซ้าย ออกไปทางด้านหน้าของโรงแรม )
( จากหน้าฟอร์ท เมื่อเรามองไปทางขวา ออกไปทางด้านหลังของโรงแรม)
ลักษณะการออกแบบ ที่ทะลุถึงกัน ทำให้ลมทะเลที่พัดเข้ามา พัดผ่านทั้งสระว่ายน้ำ ที่นั่งพักผ่อน ในอาคารหน้าฟอร์น และด้านหน้าของโรงแรม
จากภาพจะเห็นว่า ที่นั่งโซฟา จะหันไปทางด้านหลังของโรงแรมซึ่งเป็นสระว่ายน้ำ (พอดีรูปผมถ่ายมาไม่ดี มันเลยกลายเป็นขาวๆไปหมด สระว่ายน้ำเดี๋ยวมาแนะนำต่อครับ)
4. การเดินไปส่ง และแนะนำสิ่งต่างๆภายในโรงแรม
ไม่มีไดๆทั้งสิ้นครับ มีแต่พนักงานเข็นกระเป๋าไปส่ง โดยเราต้องขึ้นลิฟท์หลักของทางโรงแรม แต่กระเป๋าเราจะไปขึ้น เซอร์วิส ลิฟท์
ลิฟท์หลักของทางโรงแรมมีทั้งหมด 4 ตัว โดยเราต้องเอา Key Card แตะที่สแกนการ์ดและกดไปที่ชั้นที่เราพัก โดยเราไม่สามารถไปชั้นอื่นได้ หรือการ์ดระบุชั้นนั่นเอง แต่เวลาขาลงจากชั้นที่พักมาลอบบี้ เราสามารถกดลงมาชั้น L โดยไม่มี Key Card ได้ครับ
5. ภายในห้องพัก
ประตูเข้าห้องใช้ระบบ Key Card เป็นแบบสัมผัส โดยใช้ได้ทั้ง 2 ใบที่ได้รับมา พอเข้าไปในห้องก็พบกับที่เสียบการ์ดเพื่อให้ระบบไฟฟ้าภายในห้องพักทำงาน ( คือถ้าเอา Key Card ออก ระบบไฟปิดแบบหน่วงเวลาซัก 1 นาที แต่ตู้เย็นไม่ปิดนะครับ )
( ระบบ Keycard เพื่อเปิดระบบไฟฟ้า )
ห้องพัก
ภายในห้องผมถือว่าเป็นโรงแรมที่มีห้อง กว้าง มาก มาก มาก มาก มาก คือ กว้างมากจริงๆ ไม่พบเห็นขนาดห้องที่กว้างแบบนี้มานาน น่าจะราวๆ 50 - 60 ตารางเมตรได้ครับ สบายๆโอ่โถงมาก
โดยการตบแต่งนั้น ผมว่ามันออกแนวคล้ายๆคอนโดเลยครับ มันเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ มาครอบผนังปูน ทำให้มีตู้เก็บของ รอบๆห้อง (ดังรูป ใต้ทีวีจะเห็นเป็นตู้เก็บของได้) ซึ่งผมว่ามันเยอะเกินไปครับ แต่ก็ดี มันมีที่วางของเยอะดี มองทะลุกระจกเข้าไปในห้องน้ำได้อีก 555
( ถ่ายย้อนมาจากระเบียง จะเห็นว่าห้องกว้างมาก )
เนื่องจากทางบริษัทที่เชิญมาร่วมงานไม่ได้ให้ระบุลักษณะเตียง จึงได้ห้องแบบเตียง 3.5ฟุต 2 เตียง ก็ดีครับ เตียงสามารถเอามาติดกัน ให้ลูกผมนอนเล่นได้อย่างสบายๆ
( ขนาดเตียง 3.5 ฟุตทั่วไป ขยับมาชิดกันได้นะ )
( เครื่องทำน้ำร้อนเพื่อชงมาม่า เอ้ย กาแฟ )
( ตู้เย็นขนาดเล็ก ซ่อนอยู่ในตู้ )
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องมีตามมาตรฐานที่โรงแรมทั่วไปควรจะเป็น
- ตู้เย็นขนาดเล็ก แช่น้ำเย็นได้เย็นดี โดยน้ำดื่มมีให้ 2 ขวด
- เครื่องทำน้ำร้อนไว้ชงกาแฟกินได้ โดยมีกาแฟซองบริการให้ด้วยพร้อมแก้วกาแฟ
- ทีวีขนาดใหญ่มาก น่าจะ 42 นิ้ว โดยจะเป็นระบบเคเบิ้ลท้องถิ่นของพัทยา แต่ระบบทีวีของโรงแรมทุกครั้งที่เราเปิด จะเป็นช่องโฆษณาสิ่งต่างๆภายในโรงแรม เช่น เมนูอาหาร ห้องอาหาร เรียนทำอาหาร คอฟฟี่ชอป ร้านขายของต่างๆภายในโรงแรม
- โต๊ะ สำหรับวางกระเป๋าใบใหญ่
- ตู้เสื้อผ้า มีเสื้อคลุมให้ 2 ชุด รองเท้าสำหรบใส่เดินในห้อง ร่ม ไดร์เป่าผม มีตู้เซฟในตู้เสื้อผ้าด้วย
( เสื้อคลุม และ รองเท้า)
( ตู้เซฟ ร่ม ไฟฉาย และ ไดร์เป่าผม )
ตู้เสื้อผ้านี่ผมชอบมากเลยครับ มันขนาดใหญ่ และใช้ได้จริงแบบตามบ้านเลยครับ มีไม้แขวนเสื้อให้แบบเพียงพอต่อความต้องการของการพัก 3 วัน 2 คืน และยังมีลิ้นชักให้เราใส่ของเพิ่มเติมด้วย
มาที่ห้องน้ำกันบ้าง
ห้องน้ำที่นี่ จัดได้ว่าเป็นห้องน้ำที่ กว้าง และมีฟังชั่นครบมากๆ มีกระจกมองทะลุไปหาฝั่งห้องนอนได้อีก โดยที่เราสามารถปิดม่านลงมาได้ ถ้าไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ( หรืออาย ว่างั้น )
( อ่างแช่น้ำ แช่ได้สบายดี และน้ำแรงมาก )
( ตู้อาบน้ำที่ขอติหน่อยครับ )
ไล่เป็นเรื่องๆ สุขภัณฑ์ ถ้าผมจำไม่ผิดจะเป็นของ Kohler และอุปกรณ์อาบน้ำ สายชำระ ก๊อกน้ำ ฝักบัว จะเป็นของ Grohe ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ดูทนทาน แข็งแรง ทนไม้ทนมือ มากๆครับ
อ่างอาบน้ำ ถือว่าเป็นอ่างที่แช่น้ำได้สบายๆ มันกว้างและเกินขนาดของคนเอเชียแน่นอน นอนแช่ได้สบายๆ
ตู้อาบน้ำ ขอติเลยครับ คือ มันไม่มีฝักบัวแบบสายครับ มีแต่ฝักบัวที่ติดอยู่บนกำแพงเลย ทำให้ผมไม่สามารถ อาบน้ำลูกสาวในตู้อาบน้ำนี้ได้ ต้องไปอาบในอ่างเอา ซึ่งน้ำก็กระจายเต็มห้องเลย เวลายืนอาบน้ำที่อ่างอาบน้ำ และซีลยางระหว่างกระจกของตู้อาบน้ำเริ่มชำรุด ทำให้มีช่องว่างระหว่างกระจก เวลาอาบน้ำในตู้ น้ำไหลออกมาเป็นทางเลยครับ
อ่างล้างหน้า สวยงามมาก ความสูงและขนาดกำลังพอดีต่อการใช้งาน และที่วางของรอบๆอ่างล้างหน้ากว้างมากครับ ทำให้วางอุปกรณ์ของภรรยาผมได้อย่างครบถ้วน ( ครีม ยาสระผม ครีมกันแดด สบู่เหลว และอื่นๆอีกมากมาย นี่พี่จะเอาไปเยอะขนาดไหนกันครับ เล่นซะเต็มหน้าเค้าเตอร์ ขอเหน็บเมียหน่อย )
( ก๊อกของ Grohe ดูทนทานดีนะ )
( ภายในกล่องมีอุปกรณ์ที่ใช้ภายในห้องน้ำอยู่ด้วย )
( มีโลชั่น ยาสระผม สบู่เหลว และสบู่ก้อน ให้ด้วย )
ผมมีเรื่องฮาๆมาเล่าให้ฟังครับ จากในภาพจะเห็นว่ามีครีม และสบู่อยู่ ผมได้ใช้เพียง 2 อย่าง คือ สบู่ก้อน และ สบู่เหลวที่เป็นหลอดสีฟ้า
เรื่องที่จะเล่าคือ ไอ้หลอดสีฟ้านี่แหละครับ แพคเกจ ที่ผมดูและมโนภาพของผมคือ สบู่เหลว สีใส บีบออกมาเป็นเจลๆ ในหลอดสีฟ้า มันจะต้องมีกลิ่นแบบ มินต์ เย็นๆ อายแล้วเย็นกลายสบายใจ กลิ่นหอมสดชื่น อะไรอย่างนี้
แต่ไม่ครับ ทางโรงแรมได้ทำมโนภาพของผมหายไป หรือพี่เค้าอินดี้ไม่รู้ กลิ่นที่ออกมาจากไอ้หลอดฟ้า แถมสีใสๆ คือ สบู่กลิ่น ตะใคร้ ครับ
พี่ทำลายความคิด ของผม หรือ ผมตามความคิดของคนออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ทันก็ไม่รู้ คือถ้ากลิ่นตะใคร้ กะให้ฝรั่งแฮปปี้ มันน่าจะเป็นหลอดสีเขียว สีสบู่ควรออกแนว เขียวเข้ม เพื่อเป็นการหลอกว่า ทำมาจากธรรมชาติ เอาตะไคร้มาปั่นๆๆๆ ได้ครีมสีเขียว ในหลอดสีเขียว ให้ดูแบบเป็นสบู่ผลิตจากธรรมชาติอะไรงี้
แม่เจ้า ผมนี่เกลียดกลิ่นตะไคร้สังเคราะห์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บีบหลอดนี้ออกมา กลิ่นนี่ตระไคร้หึ่งออกมาเลย แต่ก็ต้องทนๆอาบไป เพราะไม่ได้เอาสบู่มา 555 เศร้า
ถ้าจะถามว่า ทำไมไม่เอาสบู่ก้อนมาใช้หละ ขอตอบเลยครับ สบู่ก้อนนี่ แค่ล้างมือ มือก็ผิวแห้งแล้ว เหมือนเคมีที่อยู่ในสบู่มันทำให้ผิวแห้งเกินไป เลยไม่อยากเอามาอาบครับ
มาดูที่ระเบียงกันบ้าง
พอเปิดระเบียง ออกไป จะเห็นว่ามีเก้าอี้ให้นั่งเล่นสบายๆ 2 ตัว มีโต๊ะเล็กๆให้วางของสะดวกดีครับ แต่ ไม่มีราวตากผ้าครับ ดังนั้นราวที่กันตกเลยเป็นที่ตากผ้าไปโดยปริยาย ผมไปยืนๆดูราวกันตก สีนี่ซีด และไม้มันออกสีด้านๆ เฉพาะตรงกลางเลย เพราะ คงมีการแขวนตากผ้ามานาน
( เก้าอี้ให้นั่งชมวิว ชิวๆ )
กันตกของโรงแรมก็ออกแบบมาดีมากครับ ไม้ที่ผมได้กล่าวถึงไปแล้วว่าเอาไว้ตากผ้ามันยื่นกลับเข้ามาภายในระเบียง ดังนั้นเด็กปีนขึ้นไปหัวก็จะติดครับ ผมสบายใจมากเลยเพราะมีเด็กไปด้วย
ส่วนวิวของพัทยาที่เรามองจากระเบียงเป็นดังนี้ครับ
อาจเป็นเพราะผมอยู่ชั้นเตี้ย พักชั้น 6 เองครับ ภาพมันเลยออกมาแบบ ไม่สูงมาก
( วิวด้านซ้ายของห้องพัก ต้นไม้เยอะมาก มองไปหาโรงแรมเก่าๆในซอย )
( มองเลยไปตรงหน้า เห็นความเจริญของพัทยาที่หนาแน่น )
( มองไปด้านหน้า ออกไปทางทะเล เห็นกิจกรรมทางน้ำของนักท่องเที่ยว มาพัทยากันเยอะมาก )
( หลังคาของอาคารเตี้ยของโรงแรมที่เป็นส่วนฟอร์น สูงมาราวๆ ชั้น 4 ของอาคาร โดยดาดฟ้าเป็นสปา )
( วิวทะเล แต่ใช้ซูมกล้องเอา )
โดยรวม วิวดีมากครับ ถือว่าออกมานั่งชมวิวทะเลสวยๆได้ตลอดทั้งวัน (ถ้าอากาศไม่ร้อนนะ แต่นี่ประเทศไทย ประเทศที่ความร้อนชักจะมากขึ้นทุกที ขอเข้าไปตากแอร์ดีกว่า)
เรามาพูดถึงส่วนกลางในโรงแรมกันบ้างดีกว่า
1. สระว่ายน้ำ
ผมว่าสระว่ายน้ำออกแนวธรรมดาไปนิดนึง ออกแนวสี่เหลี่ยมๆ แต่ข้อดีคือ มันสามารถว่ายน้ำได้แบบจริงจัง มีชาวต่างชาติหลายคนถึงขั้นว่ายน้ำออกกำลังกาย ไปกลับกันหลายรอบ
วิวของสระว่ายน้ำ ก็เป็นแบบ อินฟินิตี้ มองล่องลอยไปทางทะเล ปล่อยใจกันได้เลย เสียอย่างเดียว ดันเอาเก้าอี้นั่งไปวางไว้ปลายทาง จะมองวิวทะเลซะหน่อย ติดเกาอี้กินข้าว
ข้อไม่ดีคือ แดดจัดมาก ตลอดวัน ส่วนที่ร่มไม่โดนแดด มีน้อยมากครับ ว่ายไปนานๆ มึนหัวไปหมด
ด้านซ้ายของสระว่ายน้ำ ไล่ไปจากภาพแรก จะมีจุดที่นอนแล้วมีน้ำฟู่ๆขึ้นมา แบบจากุซซี่ ให้นอนเรียงๆกันได้หลายคน
มีบาร์เล็กๆชื่อ Twinkle ที่นั่งพอดีปริ่มๆน้ำ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆนั่งแช่น้ำไป ดื่มไป สบายๆ
มีเตียงนอนอาบแดด 4 - 5 ตัว ที่ขาเตียงเช่อยู่ในน้ำ เหมือนเรานอนล่องลอยเหนือน้ำกันเลย
ข้างๆบาร์มีสระว่ายน้ำเด็กอยู่ด้วย แต่มุมมันอับมาก ผมเลยไม่ได้เอาลูกไปเล่นตรงสระเด็ก
รอบๆสระว่ายน้ำมีเตียงอาบแดด และร่มบังแดด บริการ แต่จำนวนน้อยมาก น่าจะไม่ค่อยพอต่อความต้องการของคนที่เข้าพัก
สำหรับผ้าเช็ดตัวของสระว่ายน้ำ ทางโรงแรมมีบริการ เป็นผืนสีฟ้าออกเขียว ทำให้เราไม่ต้องเอาผ้าเช็ดตัวจากห้องไปด้วย และสามารถแยกแยะสีของผ้าได้ด้วย ซึ่งก็เป็นมาตรฐานของโรงแรมทั่วไปพึงมี
แต่โรงแรมนี้ ไม่ได้มีสระว่ายน้ำแค่ที่เดียว พี่เค้ามีถึง 2 สระครับ ซึ่งผมจะอธิบายในภายหลัง
( สุดสระว่ายน้ำ ดันมีเก้าอี้กินข้าวมาขวางวิว ซะงั้น )
เมื่อเรามองย้อนจากสระว่ายน้ำเข้าไปทางโรงแรม ก็จะพบกับเก้าอี้พักผ่อน ที่ผมได้กล่าวไปแต่แรกแล้วว่าเอาไว้นั่งพักรอตอนเช็คอิน
( ที่นั่งชุดนี้มันโดนโอบด้วยสระว่ายน้ำ ออกแบบมาดีมากครับ แต่ไม่มีคนมานั่งเลย 555 )
2. ห้องอาหาร
ห้องอาหาร RADIUS เป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม มื้อเช้าที่เป็นอาหารเช้าก็จะมาจัดกันที่ห้องอาหารนี้ ส่วนมื้อกลางวัน และเย็น จะเป็นห้องอาหารที่เราสั่งอาหารมาทานจาดเมนูเอาครับ
วิวของห้องอาหารดีมากเลยครับ มีสองส่วน คือด้านนอก วิวออกไปทางทะเล ทานอาหารไป มองทะเลไป และอีกส่วนคือ วิวสระว่ายน้ำ จะเป็นห้องแอร์ขนานกับสระว่ายน้ำเลย ซึ่งผมเอาลูกไปด้วย จึงทานข้างในห้องแอร์ดีกว่า
โดยตอนเช้า พนักงานก็แค่ถามว่ามาจากห้องเบอร์อะไร แค่นั้นเอง ไม่มีคูปองอาหาร หรือต้องสแกนการ์ดอะไรทั้งสิ้น
ซึ่งเหมือนเดิมครับ ผมไม่อยากถึงขั้นเข้าไปถ่ายว่าอาหารเช้าเป็นแบบไหน เพราะมันออกจะรบกวนคนอื่นจนเกินไป แต่จะเอาความทรงจำมาไล่เป็นข้อๆครับ
ไลน์ อาหารเช้ามีหลากหลายแบบมาก
- เค้าเตอร์ไข่ สั่งไข่ดาว ออมเล็ต ไข่คน
- ก๋วยเตี๋ยว
- ข้าวต้ม
- อาหารไทย โดยมีข้าวสวย ข้าวผัด และกับอาหารไทยซัก 2 - 3 อย่าง
- ไลน์อาหารแบบตะวันตก พวกแฮม ไส้กรอกไก่ ไส้กรอกหมู เบคอนแบบกรอบ และแบบนิ่ม มันฝรั่งทอด
- ขนมปัง อันนี้ประทับใจมาก ชนิดของขนมปังเยอะมาก เกิน 20 ชนิด
- อาหารญี่ปุ่นง่ายๆ เช่นข้าวปั้นมากิ ใส้ผัก โซบะเย็น ซุปมิโสะ
- อันนี้ชอบมาก น้ำเต้าหู้ + ปาท่องโก๋
- คอนเฟลก ซัก 4 ชนิด
- ไลน์ผัก และ ผลไม้ เยอะมาก นึกว่าเข้าไปกิน ซิซซ์เล่อร์ คือ ผัก ผลไม้ และ น้ำสลัดมีหลายแบบมาก
- กาแฟสดแบบเครื่องอัตโนมัติ กดกินเอาเอง (อันนี้ไม่ประทับใจเลย กาแฟมันออกน้ำๆไป ไม่เข้มข้น)
- น้ำผลไม้ มีวันละ 3 ชนิด พอดีไป 2 วันมันไม่เหมือนกันเลย ส้ม ลิ้นจี่ และอื่นๆ จำไม่ได้ว่างั้น
- น้ำผัก 2-3 ชนิด แปลกมากเลยครับ มีน้ำมะระปั่นด้วย 555
โดยรวม อาหารเช้าประทับใจมาก ตามแบบฉบับ โรงแรมตระกูล เคป เพราะที่ เคปนิทรา หัวหิน ผมก็จำได้ว่าอาหารเช้านี่จัดเต็มมากๆ
( ด้านนอกห้องอาหารมีที่นั่งไว้คุยกันเล่นๆ ด้วยนะ )
ส่วนกลางอื่นๆหละ
3. คอฟฟี่ช๊อป
มีคอฟฟี่ช๊อบในโรงแรมด้วยนะครับ ชื่อ mellow เป็นร้านขายขนมปัง กาแฟ ช่วงกลางวันมี High Tea ด้วย แต่ลืมลอง โดยที่กาแฟผมก็ซื้อเอาร้านนี้แหละครับ รสชาติก็ธรรมดาครับ กลางคืนนี่สิครับ หลัง 1 ทุ่มเป็นต้นไป ทางร้านจะเอาขนมปังมาลด 50% เลยซื้อมาลอง 1 อย่าง คือพุดดิ้งมะม่วง หวานมากเลยครับ รสจัดจ้านมาก
ตัวร้านออกแบบเหมือนเรานั่งในถ้ำ ฝ้ามันเตี้ยๆ แปลกๆดีครับ
4. ร้านขายชุดว่ายน้ำ
แปลกแต่จริงครับ ผมไปเที่ยวมาทั่วแล้วนะครับในประเทศ แต่ถ้ามาพัทยา เกือบทุกโรงแรมมักจะมีขายชุดว่ายน้ำ คือ งง มาก เที่ยวทะเลที่อื่นไม่เห็นเค้ามีขายในโรงแรมกัน แต่พัทยามีขายจ้า ก็ดีครับ สำหรับคนขี้เกียจไปซื้อข้างนอก ก็ซื้อมันในโรงแรมเลย
5. ร้านขายของชำ
มีซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยนะจ้า ขายพวกขนม ยาสีฟัน ยาสระผม คือจริงๆ Family Mart อยู่หน้าปากซอยอะครับ เดินไปก็น่าจะได้ ไม่ต้องมีก็ได้มั้ง 55
6. ห้อง Kids Room
ห้อง Kids Room นี่ประทับใจมากเลยครับ ซึ่งถ้าได้ไปอ่านรีวิวที่แล้ว ของ วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน ผมอยากให้คนออกแบบห้องมาดูที่นี่เลยครับ
คือห้องก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่ากัน แต่พื้นที่การวางของดีมากเลยครับ มีการบุวัสดุกันกระแทกไว้โดยรอบห้องกันเด็กวิ่งเล่นกันแล้วไปชนกับผนังห้อง พื้นก็ปูแผ่นยางกันกระแทกด้วย ดีงามมากเลยครับ
( มี Wii U ด้วยนะเออ )
ของเล่นในห้องมีเยอะและเพียงพอมากๆๆครับ มีหลากหลายแบบ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต (เครื่องเกมส์ Wii U และ คอมพิวเตอร์ ) เด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลในห้องด้วย ( เจ้าหน้าที่นี่ แอบนั่งหลังเค้าเตอร์ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้านั่งอยู่ พอดีผมกำลังนั่งคุยกับแฟนอยู่ เรื่องเวลาปิดของห้อง Kids Room แล้วก็ดูลูกเล่นของเล่นไป พี่แกก็พูดขึ้นมา ว่าปิดบริการ 1 ทุ่มคะ ตกใจเบย )
ลูกผมนี่ชอบมากๆๆๆ แทบไม่อยากออกจากห้อง Kids Room เลย
7. สระว่ายน้ำ 2
จากที่ผมได้กล่าวไว้แล้วว่า ที่นี่มีสระว่ายน้ำ 2 ที่ พอเราเดินไปสุดทางของสระว่ายน้ำหลักของโรงแรม จนมาพบกับกรอบรูปนี้ (เอาไว้ถ่ายภาพว่า มาถึง เคปดารา แล้วนะจ้า) จะมีบันไดทางเดินลงไปข้างล่างเรื่อยๆ ขั้นบันได ราวๆ 50 ขั้น ทำให้รู้ว่า ที่ดินของเคปดารา มองจากภายนอกเหมือนจะเรียบๆ กับถนน แต่ความจริง อาคารโรงแรมเหมือนตั้งอยู่บนหน้าผา เพราะบันไดเดินลงไปข้างล่าง ริมชายหาด เดินแบบได้เหงื่อกันเลยทีเดียว
ระหว่างทางเดิน เหมือนโรงแรมจะรู้ว่า เหนื่อยแน่ เลยมีจุดแวะให้นั่งพักผ่อน โดยการออกแบบก็ฉลากมาก มีต้นไม้ข้างๆให้มีร่มไม้มาบังแดดตรงที่นั่งด้วย
ระหว่างทางเดินลงไปชายหาด มีเหมือนระเบียงยื่นออกไปเอาไว้ถ่ายภาพ ซึ่งวิวสวยมากๆเลยครับ
จากระเบียงที่ผมได้เอ่ยไปนั้น มองไปทางขวาก็จะพบกับสระว่ายน้ำที่ 2 ซึ่งอยู่ด้านล่างริมชายหาดเลย สวยงามมากๆ แต่ผมไม่ได้ว่ายสระนี้เลย เพราะถ้าผมต้องเอาลูกเดินลงมาด้วย เหนื่อยแน่ๆ และที่สำคัญ แดดร้อนมากๆๆๆๆๆๆ ไม่มีส่วนหลบแดดเลย
เดินมาจนถึงล่างสุด ด้านขวามือ ก็พบทางเข้าสระว่ายน้ำ โดยมีบาร์น้ำบริการอยู่ด้วย เหนื่อยแท้
พอเราเดินเลยสระว่ายน้ำออกมา ด้านซ้ายมือ ทางโรงแรมก็จัดที่นอนอาบแดดริมหาดไว้ด้วย ดูแดดสิ ใครหนอจะมานอนอาบแดด ไหม้แน่ๆ
8. ริมหาด
เมื่อมาที่ชายหาด ก็เป็นข้อเฉลยว่า ทำไมถึงเล่นน้ำทะเลไม่ได้ ก็เพราะทะเลแถวนี้มันเป็นโขดหินยังไงหละครับ ในน้ำทะเลมีก้อนหินขนาดต่างๆ ประปราย ซึ่งส่วนตัวคิดว่า ทรายที่เห็น ทางโรงแรมน่าจะมาถมเอง เพราะมันมีหาด เล็กๆ แค่ที่ทางลงมาจากโรงแรมเท่านั้นเองครับ (อันนี้คิดเอาเอง ไม่รู้ว่าจริงๆเป็นยังไง)
9. สปา (ไม่ได้ถ่ายรูปมา)
จากรูปที่ผมได้ถ่ายจากระเบียงห้องพักของผม จำทำให้เห็นว่ามีสปาอยู่ที่ชั้น 4 ประกอบกับทางบริษัทที่ได้เชิญไปพักผ่อน ได้สมนาคุณ สปา แก่ลูกค้าคนละ 1 ชั่วโมง ราคาที่ทางสปาตั้งไว้แบบราคาปรกติอยู่ที่ (เท่าที่จำได้) 1 ท่าน 2200 บาท (ไม่รู้ว่าสปากี่นาที) แต่ตอนนี้ถ้ามา 2 ท่าน เราคิดแค่ 4000 บาท ราคานี้ถูกมากกกกกกกก เลยครับ (ประชด) เลยเสร็จโจรครับ ผมกับภรรยาเลยได้ไปสปาคนละ 1 ชั่วโมง โดยที่ภรรยาผมเลือกคอร์ส ขัดผิว ส่วนผม เลือกคอร์ส นวดเท้า
สำหรับภรรยาผมที่ไปขัดผิว พี่แกบอกว่า ครีมขัดผิวดีมาก แต่การนวดนั้นจัดว่าธรรมดา ยิ่งถ้าไปเทียบกับ วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา แล้วหละก็ ถือว่าฝีมือยังห่างกันเยอะ ขนาดนั้นเลย
ส่วนของผม นวดเท้า ตอนเข้าไปทางพนักงานต้อนรับจะให้กรอกเอกสารก่อนว่า ชื่ออะไร ต้องการเน้นจุดไหน โดยผมก็แจ้งไปว่าเน้นเท้า พอถึงคิวก็เข้าไปในห้องส่วนตัว นึกว่าจะนั่งนวดเท้าตามปรกติ แต่ที่นี่ไม่ครับ ให้นอนนวดเท้าบนเตียงนวดน้ำมัน เออ แปลกดี แต่ก็ถือว่าฝีมือธรรมดา แต่ก็นวดได้สบายพอสมควรครับ
10. ห้องออกกำลังกาย (ไม่ได้ถ่ายรูปมา)
ห้องออกกำลังกายอยู่ชั้นเดียวกันกับสปา ชั้น 4 ซึ่งห้องมีขนาดใหญ่มาก และอุปกรณ์เพื่อออกกำลังการครบมากๆ ถือว่าเป็นอีกโรงแรมนึงที่คำนึงถึงลูกค้าที่รักการออกกำลังกาย และไม่ต้องการขาดการฝึกซ้อม ถือว่าเยี่ยมมากครับ
ส่วนเรื่องการเช็คเอาท์
ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากผมไปแบบกรุ๊ป ดังนั้นทางโรงแรมจึงเอาของที่ต้องเสียเงินในตู้เย็นออก ก็เลยไม่มีอะไรต้องตรวจสอบครับ พอเราแจ้งว่าจะเช็คเอาท์ ทางโรงแรมก็จัดพนักงานเข็นกระเป๋ามาขนของเราลงไปข้างล่าง ไปที่ฟอร์ท คืนกุญแจ ก็เป็นอันจบครับ อ่อ ขอเลทเช็คเอาท์ได้ถึง 13.00 น. นะครับ
สรุปความเห็นส่วนตัว ไล่ไปเป็นข้อๆ
ข้อดีจากใจผม
1. เป็นโรงแรมที่เงียบพอสมควร ไม่มีเสียงจากภายนอกเลย ซึ่งผมว่าหาได้ยากในพัทยา
2. ขนาดของโรงแรม ไม่ได้ใหญ่มาก ปริมาณห้องไม่เยอะถ้าเทียบกับโรงแรมที่เทียบเท่ากัน ทำให้ไม่เกิดการหนาแน่นของลูกค้าจนเกินไป
3. ห้อง Kids Room จัดได้ว่าดีมากๆ เด็กๆชอบแน่นอน (แต่พอดีผมไปวันธรรมดาเลยมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ไม่ได้เอาลูกมา สบายลูกผมเลย)
4. แม่บ้าน ประจำชั้นของผม ขอชมเชยเลยครับ เนื่องจากผมพาลูกไปด้วย และลืมเตรียมผ้าเช็ดตัวไป จึงเดินไปหาแม่บ้านเพื่อขอผ้าเช็ดตัวอีกผืน กลับกลายเป็นว่า ผมออกไปข้างนอกโรงแรม กลับมาที่ห้อง แม่บ้านจัดทั้ง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม ผ้าห่ม มาให้ครบ ทั้งๆที่ไม่ได้เรียกร้องเลย ซึ่งดีมากครับ
5. เรื่องแม่บ้านต่อ เรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าเป็นนโยบายของทางโรงแรมอยู่แล้วหรือไม่ เนื่องจากไปพัก 3 วัน 2 คืน ในวันที่ 2 เมื่อแม่บ้านมาเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง แม่บ้านก็เติม สบู่ ยาสระผม และ ครีมทาผิว เพิ่มมาอีก 1 ชุด (ซึ่งบางโรงแรม ถ้าเราพัก 3 วัน 2 คือ ไม่มีการเติมนะครับ) ซึ่งผมว่า ดีมากครับข้อนี้
6. มีร้านกาแฟ คอฟฟี่ช๊อป ร้านขายของชำ และ ร้านขายชุดว่ายน้ำ ซึ่งบางทีเราลืมบางอย่าง ก็จะได้ไม่ต้องไปไกล ซื้อมันที่นี่เลย ยอมแพงนิดนึง หลัง 1 ทุ่มเค้าเอาขนมมาลดราคา 50% ด้วยแหละ
7.ส่วนกลางของโรมแรม ทำได้ดีครับ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะดีครับ 55 ชาวเกาหลีเซลฟี่กันมันส์
ข้อเสียจากใจเลย
1. ส่วนมากแขกที่มาพัก (ในช่วงที่ผมไป) คือชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ จีน และ เกาหลี ซึ่งโรงแรมนี้รับทัวร์เกาหลี เป็นส่วนมากเลยครับ แต่เท่าที่ดูก็เป็นพวกวัยรุ่น หรือ 30 - 40 กว่าๆ ดังนั้นอาจมีการคุยกันเสียงดังนิดนึง แต่ก็ไม่ได้รบกวนอะไรมาก
2. พนักงานภายในโรงแรม เหมือนไม่ค่อยได้บริการอะไรเท่าไหร่ และพนักงานเหมือนมีปริมาณน้อยมาก เผอิญผมไปเจอเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง คือผมอุ้มลูกไปตักอาหารเช้า มือนึงอุ้มลูก อีกมือนึงถือจาน ทำให้ผมเปิดประตูเข้าห้องอาหารไม่ได้ พนักงานคนนี้ก็ยืนข้างหลังประตูที่ผมจะเปิดนะครับ เค้าสบตามามองผม 1 ครั้ง แล้วก็เดินจากไป สุดท้าย ผมต้องใช้ศอกดันประตูเข้าไปเอง เลยเศร้าหน่อยๆ โดยรวมเจอพนักงานของโรงแรมแบบตัวเป็นๆตอน เช็คอิน เช็คเอาท์ และ มาเก็บจานอาหารเวลาอาหารเช้าแค่นั้นเอง (ไม่รวมแม่บ้านนะครับ) แล้วก็ไม่รู้เป็นอะไร เวลาอาหารก็ยังไม่ทันหมด ก็เหมือนมาคอยเดินดูว่าจานนี้กินเสร็จรึยัง เก็บเลยได้ไหม ตลอดเวลา งงมาก
3. สระว่ายน้ำโดนแดดตลอดวัน ทำให้ว่ายได้แค่ช่วงเย็นเท่านั้น ไม่ก็ยอมทนร้อน ว่ายน้ำกลางแดดเอานะค้าบ
4. สระว่ายน้ำ 2 ต้องเดินบันไดลงไปหลายขั้นพอสมควร มีเหงื่อออกเลยครับ ขึ้นลง และยังกลางแดดยิ่งกว่าสระว่ายน้ำหลักอีกครับ แบบว่าไม่มีร่มไม้ หรือ เงาตึกอะไรเลย แดดเต็มๆ
5. ชายหาด มีไปงั้นแหละครับ ใครหนอจะไปว่ายน้ำท่ามกลางโขดหิน
เหมือนเดิมครับ
1. ข้อมูลทั้งหมดออกมาจากผู้บริโภคคนนึงที่ซื้อสินค้าเอง จ่ายเงินเอง รีวิวเอง บ่นเอง ดังนั้นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครนะครับ (แต่คราวนี้ไปฟรี 55)
2. ภาพที่ผมถ่ายแบบห่วยๆ ใครอยากเอาภาพไปใช้ เชิญเลยครับถ้าผ่านมาอ่าน อ่อ ครั้งนี้ผมมีการปรับภาพในโปรแกรม Light Room นิดหน่อย ก็ยังมือใหม่ สีอาจแปลกๆไปก็อย่าว่ากันนะจ้า
3. การที่ผมให้ข้อมูลต่างๆ ถ้ามีอะไรผิดพลาด กรุณาแจ้งครับ ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง เพราะผมก็เข้าใจแบบนี้ ธรรมดาของผู้บริโภคคนนึง ที่ไม่ได้เข้าใจสุดๆเหมือนเจ้าของผลิตภัณฑ์หรอก
4. ถ้ามีการพาดพิงถึงใครและไม่พอใจ แจ้งได้นะครับ ยินดีเอาข้อมูลออกครับ เพราะ Blog นี้ผมพิมพ์ไว้อ่านเองอยู่แล้ว
5. ถ้าทางผู้เกี่ยวข้องของโรงแรมมาพบเห็น ผมก็ฝากข้อเสียไปลองพิจารณาว่าอนาคตแก้ไขอะไรได้บ้างไหมนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น