6 มิถุนายน 2561

Hyundai H1 รถแห่งครอบครัวที่แท้จริง คันนี้มีของพิเศษ Wel Cab

วันที่ 4 กันยายน 2560


คำนำ

ผมเป็นคนรักครอบครัว ผมเกิดมากับครอบครัวที่อบอุ่นพอสมควร แม้ไม่ได้รักกันปานจะกลืนกิน แต่ก็ปรองดองกัน ช่วยเหลือกันในหมู่พี่น้องตลอดเวลา เมื่อ 5 ปี ที่แล้วผมเคยมีความคิดเล็กๆคนเดียว (แอบ post facebook โยนหินถามทางที่บ้านว่าออก Hyundai H1 ดีไหม) เพราะมันสามารถนั่งได้หลายคน ครอบครัวเราก็ครอบครัวใหญ่ ไปไหนมาไหนจะได้ไปทีเดียว แต่สุดท้ายก็โดนล้มโต๊ะ เนื่องจากเวลาผมไปเที่ยวกินข้าวนอกบ้านกันแบบพี่ๆ น้องๆ และพ่อแม่ ทุกคนก็จะมีธุรกรรม ทำให้เวลาไปไม่พร้อมกัน กลับไม่พร้อมกัน เรื่อง Hyundai H1 เลยหายไปจากสมองผมจนเวลาล่วงเลยมาหลายปี

เผอิญมีญาติผู้ใหญ่ฝั่งภรรยาผม จำเป็นต้องใช้รถตู้เพื่อติด Wel Cab หรือ ภาษาไทยคือ เบาะวีลแชร์ติดรถยนต์เพื่อผู้สูงอายุ ในตอนแรกก็คิดว่าเราเรียกรถพยาบาลมารับไปมาดีไหม จะได้ไม่เปลืองเงินมาก แต่แล้วมานั่งคิดไตร่ตรองกัน ยังไงก็จำเป็นต้องมีรถตู้ซักคันที่ไปติดเบาะวีลแชร์ เพื่อจะได้พากันไปไหนมาไหน ไปหาหมอ ไปกินข้าวนอกบ้านกันได้ จึงมาเป็นรถ Hyundai H1 คันนี้นี่เองครับ

ตัวเลือกก่อนซื้อ
ผมต้องหารถที่ เดินทางไปไหนมาไหนได้ 7 คนพร้อมกัน พร้อมญาติผู้ใหญ่ท่านนี้ด้วย ทำให้ตัวเลือกรถตู้มีไม่มาก (เงินก็มีไม่มากด้วย) ดังนั้นมันเลยมีแค่

1. Toyota Sienta จริงๆมาเป็นตัวเลือกได้ยังไงเหรอครับ เพราะร้านเบาะวีลแชร์ติดรถยนต์เพื่อผู้สูงอายุ ที่ผมคิดจะไปทำเค้าโปรโมทมากๆครับว่า Toyota Sienta สามารถติดได้ แต่พอผมไปสอบถาม ก็ได้คำตอบมาว่า มันต้องเอาเบาะตอนหลังออกด้วย ทำให้จะเหลือที่นั่ง (พร้อมคนป่วย) แค่ 5 ที่นั่ง ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

2. Honda Freed เป็นหนึ่งในรถที่ผมชื่นชอบ แต่ปัญหาเหมือน Sienta คือ มันเหลือที่นั่งแค่ 5 คน และปี 2017 นี้ Honda ประเทศไทยได้งดจำหน่าย Freed ไปเรียบร้อยแล้ว

3. Honda Step Wagon เป็นรุ่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านผม ที่จะเอามาใช้งาน เพราะร้านทำเบาะแจ้งมาว่า สามารถติดเบาะได้โดยไม่ต้องเอาที่นั่งตอนหลังออก มันจะพอดีๆเลย ปัญหาคือคนเล่นรุ่นนี้น้อยมาก มือสองหายาก และมือหนึ่งก็งดจำหน่ายในปี 2017 ไปแล้ว ผมเสียใจมากๆครับ

4. Toyota Alphard รุ่นเก่า ผมลองมองๆรุ่น 2.4V ราวๆปีซัก 2012 แต่ราคาที่พบเห็นในตลาดมือสอง แบบคุณภาพดีคือ ราวๆ 1.6 ล้านบาท และไมล์ขับไปแล้วราวๆ 1 แสนกิโล

5. Toyota Alphard ตัวล่าสุด ราคาเป็นอุปสรรคมากครับ ขนาดรุ่นที่ต่ำที่สุดราคาราวๆ 2.89 ล้าน จริงๆทางที่บ้านผมก็ไฟเขียวมาแล้ว แต่ผมคิดว่าเรายังจำเป็นต้องใช้เงินอีกเยอะ ขอผ่านไปก่อนนะครับ เมื่อวันที่มีเงินพร้อม วันนั้น Alphard จะเป็นตัวเลือกที่หนึ่งแน่นอน

6. Toyota Ventury ส่วนตัวผมชอบใบแบรนด์ Toyota เพราะความอึดทน ซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ แต่ปัญหาของ Ventury สำหรับผมคือมันไม่สวยเลยครับ และอ่านๆมา (ไม่ได้ไปดูตัวจริง) มันออกแนวรถตู้ Commuter ไปหน่อย เลยขอผ่านครับ (ราคาก็โหดอยู่)

7. Hyundai H1 จริงมันเป็นตัวเลือกที่แฟนผมไม่อยากได้ที่สุดเลยครับ เพราะแฟนผมยังไม่มั่นใจในรถยนต์เกาหลี รวมถึงผมด้วยแหละ แต่พอดีผมไปฝังตัวในคลับ H1 Smile Club Thailand ซึ่งเป็นคลับที่ดีมากๆ แนะนำทุกๆเรื่องทั้งปัญหา ข้อดี ข้อด้อยของรถแบบไม่หมกเม็ด ทำให้ผมกล้าพอที่จะไปทดลองขับ และสุดท้าย ได้มาครอบครองเป็นเจ้าของครับ

Hyundai H1 ทางบริษัท Hyundai ประเทศไทย ขายเจ้าโฉมนี้มาหลายปีมากๆครับหน้าตาก็เดิมๆ อะไหล่ก็เดิมๆ มีเปลี่ยนแค่เครื่องยนต์ จาก เครื่องดีเซล A1 มาเป็น A2 ที่เหลือแค่เปลี่ยนโฉมกระจังหน้า กันชนหน้า ไปๆมาๆแค่นั้นเองครับ ทำให้การซ่อมแซม หรือ การปรับแต่งมันเริ่มง่ายมากขึ้นในสายตาช่าง

รถก็ถูกซอยมาแค่ 3 รุ่น (ไม่อยากนับ Starex ที่เป็น 7 ที่นั่งเพราะราคาโดดไปแพงมาก)
1.Touring รุ่นเริ่มแรก ผมนิยามให้มันเป็น Hyundai H1 สำหรับคนที่คิดจะเอารถไปแต่งแบบว่าแน่นอน และชอบสีเงิน เพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นเริ่มต้น ราคาราวๆ 1.2 ล้าน เบาะผ้า ไม่มีล้อแมกซ์มาให้ (ล่อมาเป็นล้อกะทะ) อย่างน้อยก็เป็นเกียร์ออโต้ แต่มีตัวเลือกแค่สีเงินเท่านั้น

2. Elite รุ่นกลาง ไม่มีจอวิทยุ LCD มากับโรงงาน ไม่มีประตูไฟฟ้า ทางเซลที่ขายจะใช้วิธีจูงใจ เพิ่มให้เป็นของแถม ซึ่งปีนี้ 2017 การทำประตูไฟฟ้าไม่ยากแล้ว บานนึงราวๆ 50000 บาทเอง ดังนั้น Elite หรือ Deluxe แทบไม่ต่างกัน

3. Deluxe สิ่งเดียวที่ Deluxe เหนือกว่าคือ ประตูไฟฟ้า และ ระบบเครื่องเสียง ซึ่งประตูไฟฟ้าได้มาจากโรงงานเลย ส่วนเครื่องเสียงนั้น มันมีข้อดีงามคือ มันได้มีการต่อกล้องรอบคันไว้ ทำให้ใช้ Function Smart View มองรอบรถแบบ 360 องศา ซึ่งพอภรรยาผมเห็นถึงกับบอกให้จอง Deluxe บัติเดี๋ยวนั้นเลย ความดีงามของมันผมจะแยกมารีวิว เฉพาะไปเลยนะครับ

รีวิว 

ในรีวิวนี้ เนื่องจากผมจำเป็นต้องใช้รถแบบ กระทันหัน ทำให้ผมจำเป็นต้องไปแต่งรถทันที หลังจากได้รับรถมา ดังนั้นสภาพที่เห็นจะไม่ใช้แบบเดิมๆ ที่ติดรถมาทั้งหมด รถได้ถูกแต่งไปพอสมควรแล้ว เพื่อรองรับญาติผู้ใหญ่ท่านนี้ครับ ส่วนเรื่องรูปภาพ สถานที่ผมไปถ่ายภาพมารีวิว แสงซับซ้อนมาก กลางวันแดดแรง ทำให้ภาพอาจมีสว่างๆ มืดๆ ไปตามที่ๆผมถ่ายภาพครับ

การรีวิวครั้งนี้ ผมจะแยกเป็น Part แสดงถึงอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งที่ติดรถมาจากโรงงาน และที่ผมได้เพิ่มเติมนะครับ

Part ของตัวรถ 
ภายนอก

สำหรับรุ่น Deluxe จะมีให้เลือกแค่ 3 สีเท่านั้นครับ เงิน น้ำตาล (เรียกว่า Tan Brown สีน้ำตาลออกไปทางสีดำเข้มมากๆ) และ สีดำ ผมเลือกน้ำตาลครับ สีมันแปลกดี


ภายนอกของ Hyundai H1 โฉมปี 2016 -2017 ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก มันเดิมๆมาหลายปีมากๆแล้ว ทุกคนน่าจะผ่านตาตามท้องถนนมาแล้ว เพราะพี่แกเล่นแค่เปลี่ยน กระจังหน้า กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง และกันชนหลัง แค่เท่านี้ แล้วก็บอกว่า รุ่นใหม่จ้า ทุกๆครั้ง เป็นมาหลายปีแล้ว โดยในความคิดผม ในแต่ละรุ่น ก็จะเลียนแบบรถตู้ยี่ห้อดัง ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แล้วก็เอาแบบเค้ามาดัดแปลงเล็กๆน้อยๆให้ใกล้เคียงเอา (ย้ำ ความคิดผมคนเดียว) แต่ถามว่าสวยไหม ผมก็ว่าสวยนะ สำหรับรุ่นปี 2016

ด้านหน้า
ยังดีที่รุ่นนี้ กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนหลัง ทำเส้นสายมาดูแนวสปอร์ต ทำให้รถดูวัยรุ่นขึ้นหน่อย เส้นสายโฉบเฉี่ยวดีมาก ส่วนกระจังหน้า เหมือนพยายามจะ VIP แต่ผมดันชอบกระจังหน้ารุ่นเก่า ช่วงปี 2013-2015 มากกว่าครับ แอบมีซ่อนกล้องมองหน้าเอาไว้ด้วยใต้โลโก้ฮุนได ถ้าไม่สังเกตอาจมองไม่เห็น ไฟหน้าขนาดใหญ่มากๆๆๆๆ แต่ปัญหาของไฟหน้าคือ แสงที่ออกมา มันมืดไปหน่อยครับในที่มืด ผมมีขับรถไปจังหวัดระยอง และมีการเดินทางเวลากลางคืน คือมันขัดใจนะครับ ไฟมันมืดไปหน่อย ในคลับ หลายคนที่ใช้ก็ใช้วิธีไปเพิ่มค่าแสงของหลอดเอาไฟครับ

กระจกมองข้าง


รุ่นนี้จะมีติ่งเล็กๆ แอบใส่กล้องเอาไว้เพื่อใช้ Function Smartview ที่ผมจะแยก Part ออกมาเลย ซึ่งการที่มันติดมาจากโรงงาน ทำให้มันสวยงาม และยังมีไฟส่องลงพื้นให้เราใช้งานในเวลากลางคืนด้วย ไฟเลี้ยวก็ใหญ่พิเศษ เพื่อนๆตามท้องถนนเห็นแน่นอนว่ากำลังขอทาง

ล้อแมกซ์ และ ยาง

ข้อนี้เป็นข้อที่ขอติ ค่อนไปทางด่ามากๆครับ


คือ ล้อแมกส์ลายสวยดีนะครับ เป็นขนาด 16 นิ้วซึ่งผมชอบมากครับ ลายเรียบๆ ล้างง่ายดี แต่ปัญหาของมันคือ ยางครับ ซึ่งยางจะถูกส่งมา 2 แบบ ตัว Touring กับ Elite ที่ประกอบเกาหลี จะได้ยาง Hankook มาเป็นส่วนมาก แต่ตัว Deluxe ซึ่งเท่าที่ผมทราบมา ถ้าข้อมูลผิดแจ้งได้นะครับ จะประกอบที่อินโดนิเซีย เห็นว่าเหตุผลมาจากภาษีการนำเข้าจะถูกกว่า ซึ่งจะทำให้ราคาของรถไม่ฉีกไปมาก ยางที่ได้ติดรถมา จะเป็นยาง Achilles ผลิตอินโดนิเซีย ซึ่งผมขอด่าเลยครับ จากที่อ่านๆมาจากในคลับ ส่วนมากข่าวไม่ค่อยดี ใช้ไปราวๆ 20000 กิโล จะเริ่ม บวม แตกลาย และแตกระเบิด คือ มีปัญหาทุกรูปแบบ เท่าที่ข้อเสียที่มาจากยางจะเกิดได้ แต่ก็มีอีกกระแสนะครับว่าใช้ได้ยัน 50000 โล ซึ่งส่วนน้อยมากๆ ก็ไม่เข้าใจว่าจะยอมลดกำไรซักนิด เอายางดีๆมาให้ลูกค้าไม่ได้หรืออย่างไร โดยที่ไม่ว่าจะ ยาง Hankook หรือ ยาง Achilles ก็จะเป็นเกรด รถบรรทุกทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าราคาส่งยางแบบ SUV มันจะแพงขนาดไหน ทำไมต้องใส่ยางบรรทุก ผมเข้าใจนะว่าที่เกาหลีเค้าใช้เป็นรถบรรทุกเป็นส่วนมาก (ข้อมูลอ่านมาเมื่อ 5 ปีก่อน) แต่สำหรับไทย เอามานั่งส่งคนในครอบครัวครับ ขอให้ฟังเสียงลูกค้าสักนิดนะครับ


ส่วนมากก็เอาออกมาวันแรก ก็เปลี่ยนกันครับ โดยผมเลือกขนาดเดิม เป็นยาง Yokohama Geolandar SUV G055 ขนาด 215/70R16 100H (100H คือการรับน้ำหนักของยางว่าแต่ละยางรับน้ำหนักได้เท่าไหร่) ส่วนยาง Achilles นะเหรอครับ ผมจะเทรินให้ร้านยางที่ผมไปเปลี่ยน ซึ่งยางเพิ่งวิ่งไป ไม่ถึง 100 กม. ร้านยางไม่รับครับ และบอกว่า มันห่วยเกินจะเอามาขายมือสองได้ คิดดูครับ ในคลับขายกัน 4 เส้น 7000 บาท ยังปล่อยกันยาก ผมเลยให้ลูกน้องที่ใช้รถกระบะไป และเตือนให้เช็คยางบ่อยๆด้วย อย่างน้อยก็ดีกว่าไปซื้อยาง % มาใส่

ด้านหลัง


เดิมๆเพิ่มเติมคือสเกิร์ตที่สวยขึ้นนิดหน่อย มีแถบโครเมี่ยมมาขั้นกลางให้ดูไม่จืดเกินไป มีแปะรุ่น Deluxe เอาไว้แยกรุ่นด้วยนะ ไฟท้ายขนาดใหญ่ กลางคืนเห็นชัดมาแต่ไกลครับ มีไฟเบรคดวงที่ 3 มาที่ด้านบนซึ่งจริงๆ ไฟท้ายรถราคาขนาดนี้น่าจะเป็นพวก LED ได้แล้วนะครับ นี่ยังเป็นแบบเดิมๆไม่เปลี่ยนแปลง

มีเซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุดมาให้ด้วยซึ่งดีมาก แม้รุ่นนี้จะกล้องมองหลังแล้วก็ตาม แต่ถ้ามีเซ็นเซอร์ท้ายด้วย ก็อุ่นใจกว่าแน่นอน ข้อนี้ดีงามครับ


โดยเมื่อเปิดประตูท้ายมา จะกว้างมากๆครับ บานประตูขนาดใหญ่ ข้อเสียคือ ต้องเว้นที่ห่างด้านหลังพอสมควรนะครับ เราถึงจะเปิดประตูท้ายได้ และเวลาปิด ประตูท้ายหนักมากๆ มีเพื่อนสมาชิกหลายท่านนำไปติดประตูไฟฟ้า ราคาราว 20000 บาท ผมก็กำลังคิดๆอยู่ว่าจะทำดีไหม แต่ภรรยามาเบรคไว้ก่อน แกว่ายังไม่จำเป็นมาก

ในรูปถ้าคนที่ใช้ H1 มาก่อนจะรู้ครับว่าผมเอาเบาะแถวที่ 4 ออก แล้วไปให้ร้านทำเบาะ ทำรางเลื่อนเบาะแถวที่ 3 มาเป็นแถวสุดท้ายแทนนะครับ ทำให้คันนี้เหลือเพียง 7 ที่นั่ง ซึ่งผมขอสารภาพครับ ว่าผิดกฎหมายนะครับ เอารถมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะรถ H1 ถ้าไม่ใช่ Starex ที่เป็น 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนดำ รถ H1 รุ่นทั่วไป จะเป็นป้ายทะเบียนสีฟ้า ซึ่งต้องมีที่นั่งบรรทุกมากกว่า 11 ที่นั่ง ซึ่งเดิมๆ ถ้ามีเบาะ 4 แถวจะนั่งได้ทั้งหมด 12 ที่นั่ง ในภาพด้านขวาผมเอา Carseat ของลูกมาติดตั้งไว้ ข้อนี้ผมจะมาสรุปอีกครั้งครับ

ภายในด้านคนขับ



ประตูด้านคนขับ บานใหญ่มากเกินไปครับ เข้าออกง่าย แต่แกะกะ บางทีจอดเรียบๆข้างทาง ดันติดริมฟุตบาท เปิดออกไปอาจขูดที่ฟุตบาทได้นะครับ แต่ในความใหญ่ของมันมีข้อดีมากคือ ใส่ของจุกจิกได้เยอะมาก รวมทั้งขวดน้ำขนาด 7 บาท


ปุ่มที่ควบคุมข้างประตู ใช้งานง่ายและขนาดปุ่มใหญ่ กดได้สะดวกสบายดี มีปุ่มกดเพื่อพับกระจกข้าง ปุ่มปรับกระจกข้างไฟฟ้า ปุ่ม เปิด/ล๊อค ประตูรถ และปุ่มกดขึ้นลงไฟฟ้า โดยที่กระจกไฟฟ้าของด้านคนขับเป็นแบบ ออโต้ ทั้งขึ้นและลงนะครับ สะดวกดีมาก
ลวดลายของลายไม้ผมว่ามันดูเข้ากับสีของประตูดีมากครับ ไม่ออกสีน้ำตาลไม้จนเกินไป ทำให้มันดูสวยแบบเรียบๆดี ผมชอบมากครับ


ที่บานประตูคนขับจะมีปุ่มโด่มาอยู่ 1 ปุ่มคือ ปุ่มกดเปิดฝาถังน้ำมัน ซึ่งการทำงานเป็นแบบไฟฟ้านะครับ คือกดแค่เบาๆ ก็จะสั่งงานให้ฝาถังน้ำมันเปิดได้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นข้อตินะครับ เพื่อนๆสมาชิกในคลับ H1 มีหลายคนที่กดปุ่มนี้แล้วปุ่มมัน บุ๋ม หลุดลงไปในประตูเลย ซึ่งเป็นกันหลายคนมาก แต่อะไหล่ก็ไม่ได้แพงมาก ราวๆ 300 กว่าบาทเท่าที่เพื่อนสมาชิกได้แจ้งๆกันมา และเหมือนทาง ฮุนได ก็รู้นะครับเรื่องนี้ เลยมีที่เปิดฝาถังน้ำมันฉุกเฉินไว้ที่ด้านหลังของไฟท้ายฝั่งซ้ายด้วย





ประตูฝั่งซ้ายไม่มีอะไรมากครับ มีเพียงปุ่มเปิดกระจกเท่านั้นเอง แต่ไม่ออโต้นะ


ผมยอมรับอยู่อย่างครับ มาส่วนด้านหน้านี่ เหมือนตัวเองเป็นพนักงานขับรถเลย เพราะความสะดวกสบายในตอนหน้า และตอนหลัง เหมือนแยกออกเป็น 2 ส่วน ความสะดวกสบายด้านหน้ามีอะไร ด้านหลังจะมีอีก 1 ชุดครับ

คอนโซลรถรุ่นโฉม 2016 เปลี่ยนใหม่ให้สวยงามและสมัยใหม่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ทุกๆการควบคุมทั้งแอร์และวิทยุเป็นแบบปุ่มทั้งหมด จอวิทยุก็เป็น Touch Screen ช่องแอร์มีการตัดลายโครเมี่ยมไว้สวยงามมากๆ มันดูลงตัวสวยงามดีครับ


พวงมาลัย 4 ก้าน หุ้มหนังแบบสากๆมือดีมาก มีปุ่มคอนโทรลต่างๆทั้งวิทยุ การรับโทรศัพท์ และ Cruise Control ทำให้คนขับมีความสะดวกสบาย โดยก้านปรับด้านขวาเป็นการปรับไฟหน้า และก้านปรับด้านซ้ายจะเป็นเรื่องของการปัดน้ำฝน โดย Function ก็ทั่วไปครับ มีปรับการปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลามาด้วย


หน้าปัทม์ของรถ เป็นอะไรที่ดูเรียบ และธรรมดาสุดๆ คือออกแนวรถกระบะมากๆครับ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหน่อยนะครับ ขายมากี่รุ่นๆ ก็เป็นแบบนี้ ส่วนที่เป็นดิจดตอลยังดีนะครับ ที่มีการบอกว่า น้ำมันที่เหลือ ยังเหลือวิ่งได่อีกกี่ กิโลเมตร ซึ่งเป็นประโยชน์มาก


ด้านขวามือของคนขับมีปุ่มมากมาย ไล่จากซ้ายไปขวา มีปุ่มเปิดไฟในรถ ทั้งหมดทุกตอน ปรับความสว่างของหน้าปัทม์ ถัดไปด้านบนคือ เปิด Day Light ถัดมาคือ PSD Power คือปุ่มเปิดการทำงานประตูไฟฟ้า โดยทุกปุ่มถ้ากดลงไป หมายถึงว่าเปิดการทำงาน ดังนั้นถ้า PSD Power ไม่ได้กดลงไป ประตูไฟฟ้าด้านหลังจะเป็นแบบ Manual หรือ อัตโนมือนะครับ ต้องเปิดประตู และผลักเอง ซึ่งประตูหนักมากๆครับ สุดท้ายปุ่มใหญ่ๆ มีด้านซ้ายด้านขวา คือปุ่มเปิดประตูไฟฟ้าด้านหลัง ซึ่งสะดวกมากๆครับ คนขับสามารถเปิด/ปิดประตู ด้านหลังได้เลย ดีงามครับส่วนนี้


ใต้ปุ่มต่างๆลงมา มีช่องใส่ Fuse รถ และปลั๊ก OBD ด้านใน และคันโยกเปิดฝากระโปรงหน้า



คันเร่ง และเบรค ขนาดเล็กไปนิดนึงนะครับ แต่ก็ใช้งานได้ถนัดดี น่าจะเก็บภายใต้คอนโซลให้สวยงามกว่านี้หน่อย ข้อติอีกข้อคือ ที่วางเท้าซ้ายเพื่อพักเท้า พอขับรถไปนานๆมันเมื่อยมากครับ ขนาดของที่พักเท้ามันแคบไป เหยียบแล้วไม่เต็มเท้า ยังดีที่ร้านทำพรมเค้าตามใจผม ตัดพรมมาแปะตรงส่วนนี้ให้เต็มเท้าครับ แก้ไขได้นิดหน่อย


ใต้ที่นั่งคนขับ ผมขอเรียกช่องนี้ว่าช่องลับ มันมีฝาเปิดออกมาเป็นช่องขนาดใหญ่มากไว้เก็บแม่แรง เครื่องมือต่างๆ ผมมีความคิดว่าจะซ่อนเงินเมียไว้ในนี้ครับ ช่องว่างยังเหลืออีกเยอะ น่าจะซ่อนได้เป็นล้าน


ส่วนอันนี้ผมแอบเอาไปติดเพิ่มเองครับ โดยสั่งมาจาก Aliexpress ราคาราวๆ 800++ ซึ่งมันจะต่อออกมาจากปลั๊ก OBD ใต้คอลโซลรถที่ได้เล่าไปแล้ว สามารถทำได้หลายอย่างมากๆ แต่หลักๆผมเอาไว้ดูค่า ความเร็ว ความร้อน แบตเตอรี่ แค่นี้ก็ OK แล้วครับ แต่จริงๆมันยังสามารถเปลี่ยนค่าการแสดงผลได้อีกหลายค่า แถมยังลบ Code ที่ Error ได้ด้วย ควรมีครับอันนี้


ตรงกลางจุดเด่นของรถตู้แทบทุกคันคือ เกียร์อยู่ที่คอลโซน ทำให้มีที่ตรงกลางเพิ่มให้สำหรับคนขับสะดวกสบายขึ้นเยอะเลย อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ หน้าตาสวยงามตามยุคสมัย แต่หน้าตาเกียร์นี่ ไม่อยากจะติ มันน่าจะทำได้สวยกว่านี้หน่อย ปุ่มกดข้างเกียร์เพื่อเปลี่ยนเกียร์มันใหญ่โต โบราณไปหน่อย


ระบบแอร์เป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด มีปุ่มกดเปลี่ยนโหมดต่างๆ ปรับแอร์ได้หลายแบบมาก โดยโซนฝั่งซ้ายจะเป็นการปรับแอร์ให้กับผู้โดยสารด้านหลัง และ ด้านขวาจะเป็นการปรับแอร์ของผู้โดยสารด้านหน้า มีปุ่มกดเปิดไล่ฝ้าทั้งกระจกหน้า และ กระจกหลัง

ซึ่งแอร์ก็เป็นอีกจุดที่มีปัญหานะครับ เท่าที่ทราบมาเหมือนทางฮุนไดจะตั้งใจทำไว้คือ จะมีอากาศจากด้านนอกเข้ามานิดหน่อย แม้ว่าเราจะเปิดโหมดให้อากาศหมุนเวียนภายในรถแล้วก็ตาม ถ้าขับรถบนถนนไหลๆก็ยัง OK นะครับ แต่ถ้าขับในเมือง ตามรถบรรทุก หรือ รถเมล์ นี่มีเหม็นหน่อยๆนะครับ


ใต้แอร์มีช่อง USB และ ช่อง HDMI อยู่ โดย USB ทั้ง 2 ช่องจะเป็น Input ของเครื่องเสียงให้เราเสียบ USB เข้าไปได้ แต่เท่าที่ผมลองเหมือนจะรองรับ Format ของ Harddisk แค่แบบ FAT32 นะครับ แบบ NTFS ไม่รองรับ ลองไปหาข้อมูลดูกันนะครับ โดยที่ Port USB ที่มีรูปไฟฟ้า จะจ่ายไฟแบบ Amp แรงหน่อย แต่ผมยังไม่ได้วัดว่าออกมากี่ Amp แต่ชาร์จ Note5 ของผมเข้า ขอเดาว่า 2.1A ครับ
ส่วน HDMI In เป็นช่อง HDMI (1) ครับ วิทยุตัวนี้จะมี Input HDMI เข้าได้ 2 ช่อง HDMI (1) อยู่ที่คอนโซล HDMI (2) อยู่หลังวิทยุครับ มีช่องว่างๆให้ใส่ของจุกจิก ขนาดเท่าๆกับซองบุหรี่วางซ้อนได้ซัก 2 ซอง


ถัดลงมาเป็นที่จุดบุหรี่ และที่เขี่ยบุหรี่สามารถถอดออกได้


ใต้ลงมาเป็นที่วางแก้วแบบซ่อนได้ สะดวกดีมาก แต่ที่ขอติคือ ด้านล่างผมได้ไปทำเพิ่ม คอนโซลมันเหมือนทำที่จุดบุหรี่จุดที่ 2 มา แต่ทางฮุนไดปิดไว้ ผมเลยไปร้านประดับยนต์ให้เค้าเอาฝาพลาสติดออก แล้วต่อที่จุดบุหรี่ที่ 2 ขึ้นมา จะได้เอามาเสียบที่ชาร์จมือถือ เพราะถ้าเสียบชาร์จที่ด้านบน มันต้องเปิดฝาค้างไว้ตลอด มันไม่สะดวกครับ


ที่วางแก้ว พอเรากดปุ่มก็จะเด้งออกมาเป็นเกะเล็กๆ วางได้ 2 แก้ว แต่มันต่ำไปนิดนะครับ หยิบแก้วยากนิดนึง แต่ก็ดีกว่าไม่มีหละครับ


คอนโซลฝั่งคนนั่ง มีเกะ 2 ชั้น


ด้านบนช่องเล็กมากๆ พอแค่ใส่พวกรีโมท แว่นตา ของจุกจิกนิดๆหน่อยๆ


ส่วนเกะด้านล่าง ใส่ของได้มาก พวกคู่มือรถ ใบประกัน กรมธรรม์ต่างๆ แต่ผมเอามาใส่สายที่ต่อออกมาจากเครื่องเสียง พอดีมีเอาไปติดดิจิตอลทีวีมา เลยต่อสายจากกล่องดิจิตอลทีวีมาไว้ที่จุดนี้

วิทยุ


ต้องบอกเลยว่าเป็นข้อดีจริงๆของรุ่นนี้เลยครับ วิทยุทำได้หลายอย่างมาก เป็นระบบ Android แต่ข้อเสียคือเป็นระบบปิดนะครับ คือไม่สามารถลง Playstore หรือ Application ใดๆเพิ่มได้เลย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากๆ แต่เท่าที่ได้อ่านมา เหมือนสเปคของเครื่องไม่ได้สูงมาก กลัวถ้าปล่อยให้ลูกค้าไปลง App เพิ่มได้ อาจจะเหมือนพวกมือถือ Android ที่พอใช้ไปนานๆเครื่องจะช้ามาก ทำงานหงุดหงิด ทางฮุุนไดเลยตัดปัญหา ปิดระบบมันซะเลย ตามที่เห็นในภาพนะครับ เมนูมี 2 หน้า การทำงานมีทั้งหมด 15 เมนู

วิทยุ ก็ทั่วไปครับ การแสดงผลเป็น ตัวเลขดิจิตอล ทำให้จูนช่องง่ายดี

โทรศัพท์ เอาไว้จัดการหลังจากเราต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ของเครื่องวิทยุแล้ว

ระบบนำทาง ห่วยมากครับของ Powermap ไม่ควรเอามาใช้เลย อยากได้ Garmin ครับ แม้หลังๆผมจะใช้ Google Maps เป็นส่วนมากก็ตาม Powermap ที่ผมไม่ชอบคือ การทำงานมันยุ่งยาก ใช้งานแล้วงงๆนะครับ ทั้งๆที่ผมเล่น GPS มานานมากๆแล้ว มาใช้ยังงง

USB เอาไว้จัดการ สื่อที่เราเสียบที่หน้าคอนโซลครับ

HDMI กดเข้าไปจะมีให้เลือกว่าจะเอา HDMI (1) หรือ (2) ก็แล้วแต่หละครับว่าจะเอาไปติดตั้งอะไรเพิ่ม

Mirror Mode เอาไว้ต่อกับมือถือ โดยจะสะท้อนภาพจากมือถือขึ้นไปที่หน้าจอเลย ทำหน้าที่เหมือน Chromecast เลยครับ

แผ่น เอาไว้เล่นสื่อที่เราเสียบเข้าช่อง CD ครับ

Streaming กับ iPod ยังไม่ได้ลองครับ

การตั้งค่า เราเข้าไปตั้งค่าต่างๆของเครื่องได้เยอะมาก

หน้า 2

Browser คือเปิด App Google Chrome ขึ้นมา โดยเราต้องต่อเนตก่อนจากมือถือ หรือจะจากทางไหนก็ตาม ซึ่งไม่รู้จะเอามาทำไม ใครหนอจะมานั่งเล่นเนตผ่านช่องทางนี้

Facebook กับ Youtube นี่แล้วใหญ่เลย คือเอาไอ้ Browser นั่นแหละ แต่กดแล้วจะเปิด Browser ไปหา Facebook หรือ Youtube โดยตรง ก็อีกหละ เล่นจากมือถือแล้ว Cast ผ่านทาง Mirror Mode น่าจะง่ายกว่า

Smart View ขอแยกไปทำ Part พิเศษเลยครับ แม่งดีงามมากที่สุดในรถคันนี้แล้ว จองรุ่นนี้เพราะ Function นี้เลย แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าไปติดข้างนอกเอาก็ได้ ราคาราวๆ 30000 บาท

ตั้งค่าเสียง สามารถตั้งได้ละเอียดมากๆจนงง โดยเราสามารถ Custom เสียงของรถได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าทำไม่เป็นก็มี Preset ให้นิดๆหน่อยหน่อยซัก 4-5 แบบ

สำหรับเรื่องเสียง ผมว่าเสียงลำโพงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ ถ้าเป็นไปได้ก็เปลี่ยนลำโพงกันนะครับ จะได้อรรถรสในการฟังเพลงมากกว่าเดิม โดยของผมเปลี่ยนลำโพงเป็นยี่ห้อ Stage SPL รุ่น K2 ในด้านหน้า และ Stage SPL รุ่น Juno ในด้านหลัง เสียงดีขึ้นมากๆ อย่างเห็นได้ชัด


กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงได้ซึ่งก็เป็นหนึ่งในความดีของรถคันนี้ครับ มีปุ่มให้เรากดเปิดปิดระบบตัดแสงด้วย


ที่บังแดด มีไฟและกระจกทั้งฝั่งคนขับ และฝั่งคนนั่ง สาวๆน่าจะชอบในข้อนี้ครับ

สิ่งที่ผมลืมถ่ายรูปมาคือ ไฟกลางคอนโซล ซึ่งทำงานได้หลากหลายรูปแบบ โดยมีที่ใส่แว่นตาได้ด้วยครับ


เปิดไปดูด้านหลังกันบ้าง มองที่ประตูก่อนนะครับ อย่าเพิ่งไปมองของแปลกปลอมอื่นๆ พอเราเปิดประตูสไลด์ออกมา มันจะแนบไปกับตัวรถเลย ซึ่งประหยัดพื้นที่มาก ประตูมีระบบดูดไฟฟ้าด้วย



ซึ่งอีกหนึ่งปัญหาของรถ ฮุนได้ ตัว Deluxe คือ ระบบประตูไฟฟ้ารวน ถึงขั้นค้างแบบต้องไปกดใช้ประตูแบบเปิดปิดเอง ส่วนนึงที่ได้ฟังมาจากพนักงานขายคือ เวลาประตูปิดแล้วเราจะล๊อครถ ให้รอระบบประตูดูด ทำงานจนเสียงมอเตอร์ไฟฟ้า เงียบก่อน ค่อยกดล๊อครถ ซึ่งหลังประตูปิดกว่าระบบจะเสียงเงียบต้องรอราวๆ 4-5 วินาทีนะครับ อย่าเพิ่งรีบกดล๊อครถเร็วเกินไป ประตูจะไม่รวน ส่วนตัวใช้มายังไม่เจอปัญหานี้นะครับ


ถ้ายฝั่งตรงข้ามให้ดูที่ประตูก่อนนะครับ ที่ประตูจะมีกลอนเอาไว้เปิดปิดประตู โดยโยกคันโยกเบาๆ ประตูไฟฟ้าก็จะทำงานทันที ไม่ต้องใส่แรงเข้าไปเลย โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกคือช่องที่ใส่ขวดขนาดใหญ่แบบขวด 12 บาท และช่องใส่ของจุกจิกที่ข้างประตู


อย่างที่ผมได้แจ้งไปแล้ว รถคันนี้ผมเอาไปแต่งมาเพื่อรองรับญาติผู้ใหญ่ท่านนึง เป็นเก้าอี้ไฟฟ้า วันที่ผมถ่ายรูป เก้าอี้ได้อยู่ที่บ้านญาติผู้ใหญ่ท่านนั้น ดังนั้นสิ่งที่ได้เห็นคือ โครงที่เหลือของเบาะ Wel cab จากในรูปก็คงเห็นว่าโครงที่เป็นระบบการทำงานของ Wel Cab มันเกะกะพอสมควรนะครับ Wel cab ผมขอแบ่งไปอีก Part นะครับ


ส่วนเบาะข้างๆก็เป็นแบบ VIP ผมขอนิยามว่า เตียงหยก ในหนังจีนใครมานอนที่เตียงหยกมีอันหลับลึกทุกคน ใครก็ตามในบ้านผม ถ้ามานั่งที่ตรงนี้ แล้วได้ปรับนอนแล้วหละก็ หลับทุกราย นั่งสบายมากๆๆๆๆๆ ซึ่งคนขับไม่ได้ประสบการณ์นี้เลย โดนไปราวๆ 40000 บาทครับชิ้นนี้


เบาะ VIP ที่ทำมา สามารถปรับนอนเอน และปรับส่วนพักเท้าขึ้นมาได้ นอนราบกันเลยทีเดียว ภรรยาผมว่าเหมือนเบาะ Business Class บนเครื่องบิน ขนาดนั้นเลย


ส่วนตอนหลังแถวสุดท้าย ผมได้ทำการต่อรางเลื่อน โดยไปราคาราวๆ 5xxx บาท ทำให้สามารถเลื่อนเบาะแถวที่ 3 ไปตำแหน่งของเบาะแถวที่ 4 ได้ ที่ทำแบบนี้เพราะเบาะตอน 4 มันไม่มีฟังชั่นอะไรเลย จะมีก็พับเอาแบาะนั่งขึ้นได้ จริงๆเบาะตอนที่ 4 น่าจะสามารถทำให้เบาะเอนลงได้นะครับ มีเพื่อนสมาชิกเอาไปทำร้านเบาะข้างนอก ค่าทำราวๆ 3500 - 5000 บาท แล้วแต่ร้านครับ
แต่เพราะเบาะตอน 3 มันนั่งสบายกว่ากันมาก แถมยังพับเบาะตัวกลางได้ด้วย นั่ง 6 คนก็พับเบาะมาเป็นที่วางมือ ถ้านั่ง 7 คนก็เอาเบาะลง


ความสะดวกสบายของเบาะตอนหลังคือ มีที่วางของ และแก้วน้ำเยอะมากครับ ช่องนี่ใส่ของได้เยอะ


ในส่วนของ Car seat เบาะนั่งของเด็ก ที่ผมติดไว้ก่อนหน้านี้ เพราะข้อจำกัดของรถตู้ ทำให้มีเซฟตี้เบลท์ แบบคาดเอว หรือที่เรีบกว่า เซฟตี้เบลท์ แบบ 2 จุด ไม่ได้เป็บแบบปรกติ 3 จุด ดังนั้นต้องเลือก Car Seat ให้ดีๆนะครับ ก่อนเอามาติดที่รถ H1 การเอาไปทำ เซฟตี้เบลท์ แบบ 3 จุด ร้านเบาะว่ายุ่งยากมากนะครับ และราคาแพงด้วย


ผมต้องพยายามมาก ที่จะคาดเซฟตี้เบลท์แบบ 2 จุดกับ Car Seat โดยรุ่นที่ผมใช้ ใช้กับลูกผมมาราวๆ 4 ปีแล้ว จริงๆไม่เหมาะกับท่านี้เลย แต่รุ่นที่ผมใช้มันมี Hook หรือตะขอไปเกี่ยวกับเบาะด้านหลังได้


ผมลองติดตะขอ ดึงให้ตึง ลองเขย่า Car Seat ดู มันไม่ขยับเลย หรือขยับน้อยมากๆ เลยคิดว่าน่าจะเพียงพอ แต่ให้ดีเพื่อนๆในคลับ H1 ก็แนะนำมาว่าไปซื้อสายรัดกระเป๋าเดินทางมารัดตรงกลางเพิ่มอีกชั้นเพื่อความปลอดภัย

เครื่องเสียงด้านหลัง

ตามที่ผมได้บอกไปแล้วว่า ฝั่งคนขับมีอะไร ฝั่งผู้โดยสารด้านหลังมีแบบนั้น เรื่องมัลติมีเดีย ทางด้านหลังมีจอแขวนขนาด 13.3 นิ้วอยู่ ซึ่งภาพจะเป็นไปตามด้านหน้าทั้งหมด ไม่ดีอย่างตรงที่พอเข้าเกียร์ถอยหลัง ภาพก็จะเป็นการถอยหลังตามไปด้วย ลูกสาวตัวแสบผมบ่นมากๆเลย กำลังดูการ์ตูนอยู่ดีๆมาขัดจังหวะทำไม


ไฟ LED ระหว่างแถวที่นั่งซึ่งมี 2 จุดนะครับ ปรับได้หลายแบบมาก มีทั้งไฟสีขาว เขียว ฟ้า ปรับยังไงยังงงๆอยู่


ด้านหน้ามีที่ปรับแอร์ ด้านหลังก็มีที่ให้ปรับแอร์ด้วย โดยจะปรับได้ก็ต่อเมื่อด้านหน้าตั้งโหมดให้ด้านหลังปรับแอร์ได้เอง โดยปรับได้ทั้งความแรงลม และ ทิศทางของแอร์


ช่องแอร์ส่วนตัวของแต่ละแถว ทำให้สะดวกต่อคนนั่ง ของใครของมันไปเลย ถ้าหนาวก็ปรับเองได้

การขับขี่

ก่อนที่ผมจะใช้รถตู้ ผมเป็นห่วงการขับขี่มากๆว่าต้องปรับตัวเยอะมากๆแน่ๆ เพราะขนาดของรถ ผมไม่เล็กนะครับ ยาว 5,125 × กว้าง 1,920 × สูง 1,925 ดังนั้น ต้องปรับตัวเยอะแน่นอน

Hyundai H1 เป็นรถดีเซลรุ่น A2 ขนาด 2.5 ลิตร และมีแรงม้าที่ 175 แรงม้าครับ ซึ่งผมเป็นคนที่ขับรถไม่หวือหวาอยู่แล้ว แต่ Hyundai H1 นี่เหยียบเป็นมานะครับ แรงดึง จะเร่งแซงจัดได้ว่าจัดจ้าน กดเป็นมาแน่นอน แต่ผมก็ขับเนิบๆของผมไปเรื่อยๆ มันเลยรู้สักก็ธรรมดา แต่เสียงเครื่องยนต์แอบเบานะครับ ไม่ได้เบามาก แต่ก็เบากว่ารถกระบะทั่วไปแน่ๆ

ต้องขอชมจากใจครับ วงเลี้ยวแคบมากๆ  สเปคเคลมไว้ 5.6 เมตร ซึ่งพอเอามาขับจริง วงเลี้ยวมันก็รู้สึกเหมือนขับรถเก๋งอยู่แหละครับ การจะเปลี่ยนเลนส์ ผมว่าง่ายกว่ารถกระบะ แถมมุมมองแอบดีกว่าเพราะรถมันสูงกว่า กระจกก็บานใหญ่มองออกไปง่าย และ สะดวกมาก แต่ก็นะ ออกรถมาได้ 1 อาทิตย์ ผมกับภรรยา พากันไปเจิมบังโคลนล้อหลังซ้ายมาคนละที ลืมเผื่อวงเลี้ยวคับ เลยขูดฟุตบาท

สิ่งที่ต้องปรับตัวอย่างจงหนักคือ เรื่องความสูงของรถครับ 1.925 เมตร (ไม่รวมเสาอากาศ) นี่ทำเอาผมนอยมาหลายครั้งแล้ว ยิ่งต้องพาคนป่วยไปนู่นนี่ เข้าอาคารต่างๆนี่ ต้องเช็คให้ดีครับว่าเข้าได้ไหม ถ้าอาคารสมัยใหม่ที่เพิ่งสร้างระยะ 10 ปีมานี้ ส่วนมากจะเข้าได้เกือบทั้งหมดเพราะจะทำความสูงไว้ที่ 2.1 เมตร แต่เอาจริงๆก็ยังไม่เคยเจอซักที่นะครับที่ไปไม่ได้ แต่เพื่อนๆสมาชิก H1 Smile Club Thailand ก็ช่วยเหลือกันดีนะครับ ถามปุ๊บ มีคนตอบปั๊บ โดยเฉพาะประเด็นการเข้าอาคารต่างๆ มีการทำ excel ไว้เลยว่าอาคารไหนเข้าได้ อาคารไหนเข้าไม่ได้ เป็นประโยชน์มากครับ

ช่วงล่าง เป็นระบบสปริง กับ โช้คอัพ ที่จัดได้ว่าห่วยมากครับ โครตเด้ง ตอนผมไปลองรถ ขับแค่ใกล้ๆ พอลงจากรถนี่วิงเวียนมากครับ เท่าที่ทราบก็ช่วงล่างจัดมาแบบรถบรรทุก เลยเหมาะกับการบรรทุก ถ้านั่งกันเต็มๆ นะนิ่งมากครับ แต่สำหรับบ้านผม ปรกตินั่งกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ถ้ารับคนป่วยไปที่ต่างๆก็ 7 คนครับ ก็ยังเด้งอยู่ดี แต่ก็นะครับ เรื่องนี้แก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยน โช้คอัพ และ สปริง เลยสามารถหยุดการเด้งได้พอสมควร ผมจะแยกการเปลี่ยนสปริง และ โช้คอัพไปอีก part ครับ แต่เรื่องความนิ่มผมว่าคนเรามันฟิลลิ่งไม่เหมือนกัน ดังนั้น ไปลองขับลองนั่งกันครับ ว่ารับได้ขนาดไหน แต่สำหรับผม ออกรถมาวันนี้ อีกวันพาไปเปลี่ยนช่วงล่างทันทีครับ


เรื่องของ Wel Cab


รถคันนี้ซื้อมาเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยครับ ในรูปคือ แท่นไฮโดรลิค ระบบการทำงานทั้งหมดอยู่ที่ตรงส่วนนี้เลย ซึ่งการที่จะติด Wel Cab จำเป็นต้องเอาเบาะออกถึง 2 แถวเลยนะครับ ที่ทางถึงจะเพียงพอต่อการวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงไป

ร้านที่ผมไปทำชื่อ NR Autoseat ซึ่งเป็นของคนไทยเอง ผลิตไทยทุกชิ้น ทำไมการผลิตไทยถึงสำคัญเหรอครับ เพราะถ้าเอาของญี่ปุ่นมา เกิดเสียขึ้นมา จะหาอะไหล่จากไหนครับ แต่ NR Autoseat ทำในไทยทั้งหมด ประกันก็นาน อะไหล่ก็มี มี Call Center ตอบปัญหา 24 ชั่วโมง เพื่อความอุ่นใจ ผมไม่ได้ค่าโฆษณาอะไรทั้งสิ้น แต่เพราะร้านเค้าบริการดีตั้งแต่เอารถเข้าไปจอด จนเอารถกลับออกมา ทำให้ผมคิดว่าถ้าผมทำส่วนอธิบาย Wel Cab ขึ้นมาสำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองๆหาเบาะแบบนี้เพื่อผู้สูงอายุ จะได้เรียนรู้ระบบก่อน โดยร้าน NR Autoseat ไม่ได้ทำแต่ Wel Cab เท่านั้น เรื่องแต่งเบาะรถตู้ทั้งหมด ร้านนี้ก็ทำได้นะครับ

โดยผมทำไป 3 อย่าง
1.Wel Cab ราคาราวๆ 2 แสนต้นๆ
2. เบาะ VIP ราคาราวๆ 4 หมื่นบาท
3. ทำรางเลื่อนเบาะแถว 3 ไปแถว 4 ราคาราวๆ 5 พันกว่าบาท

สำหรับราคา ต่างคนต่างวาระนะครับ โทรไปสอบถามกันเอาเอง


โดยจะมีรีโมทแบบมีสาย 1 ชุด และรีโมทแบบไร้สาย มีมาให้ 2 ชุด ระบบการทำงานก็ง่ายๆ มีแค่ปุ่ม ขึ้น กับ ลง เท่านั้น ระบบทำงานเองอัตโนมัติทั้งหมด


ในตัวรถจะมีที่แขวนรีโมทแบบมีสายติดไว้ข้างๆประตู  ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เรียบร้อย และตำแหน่งก็หยิบได้ง่ายมากๆ


ระบบการทำงานจะมีหลายจังหวะมาก
เมื่อเรากดปุ่มลงจะมีการทำงานคือ


1. เบาะจะหันหน้าออกมาทางประตูแบบเฉียงๆ


2. เบาะจะเริ่มสไลด์ออกมาด้านหน้า และ เริ่มเลื่อนลง


3. เมื่อเลื่อนลงมาจนถึงจุดหนึ่ง จะหยุดทำงาน และ เลื่อนล้อหลังของเบาะออกมา


4. เมื่อล้อหลังออกมาจนสุด ระบบจะเลื่อนเบาะลงมาเรื่อยๆ จะมีเซ็นเซอร์วัดความสูงพื้นอยู่ใต้เบาะ


5. เมื่อเซ็นเซอร์ ชนพื้น จะค่อยๆหยุดการลงของเบาะ และเลื่อนเฉพาะตัวฐานลง เบาะก็จะลงสู่พื้นได้

โดยเราต้องเผื่อที่ไว้พอสมควร สำหรับการยื่นตัวของเบาะ ถือว่ากินที่มาก แต่ถ้าไปพวกโรงพยาบาล ร้านอาหารที่ Wel Cab เข้าได้ ส่วนมากจะไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าไปในที่ๆไม่ได้เตรียมไว้สำหรับ Wel Cab ตัวระบบ สามารถทำงานได้ ที่ความสูง + - 15 ซม. คือเราสามารถจอดริมถนนแล้วส่งผู้โดยสารได้ โดยที่ฟุตบาท ต้องไม่สูงเกิน 15 ซม. ดังนั้นต้องจอดรถชิดริมฟุตบาทมากๆนะครับ ถึงจะสามารถส่งผู้โดยสารได้

ตัวรถเข็นหนักพอสมควรนะครับ 49 กก. (ชั่งมาแล้ว) แต่แข็งแรงดี มีระบบช่วยเบรคล้อได้เวลาเข็นขึ้นลงเนิน

ระบบ Smart View (ลืมถ่ายรูปมา)

เป็นระบบที่ช่วยชิวิตมากๆกับการใช้ชีวิตขับรถตู้ ระบบจะมีกล้อง 4 ตัว คือกล้องหน้า กล้องที่กระจกมองข้างทั้ง 2 ข้าง และกล้องมองหลัง มาแปลงภาพให้กลายเป็นภาพรอบๆของรถ ระบบจะทำงานเมื่อเราเข้าเกียร์ถอยหลัง (แต่จริงๆผมว่ามันทำงานตลอดเวลา เพราะหน้าจอมันค้างภาพระหว่างที่ผมขับรถบ่อยมากๆ เหมือนเป็น error ของมัน) ทำให้การกะระยะการเข้าจอดทำได้ง่ายดายขึ้นมาก

โช๊ค Hotbits + สปริง ไอบัค

(ยืมภาพมาจาก facebook HotBits Thailand ครับ)

เนื่องจาก H1 นี่โครงสร้างมันเดิมๆมาแบบรถบรรทุก ช่วงล่างเลยจัดเต็มแบบรถบรรทุกจ๋ามาเลยนะครับ ดังนั้นทุกท่านที่กำลังมองหารถตู้ ครอบครัว แล้วเผอิญเปิดมาเจอ Blog ผม ผมบอกเลยครับ ช่วงล่างเดิมๆ แม่งโครตเด้งครับ ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เลย ถ้านั่งกันแค่ไม่กี่คน ครอบครัวผมนั่งกัน 7 คน ยังเด้ง

วิธีการแก้ไขแบบง่ายๆที่คนทั่วไปชอบทำกันคือ เอาลมยางออก ซึ่งผมว่ามันเป็นวิธีที่ผิดนะครับ รถตู้ที่มีน้ำหนักขนาดเกือบ 2 ตัน ข้างประตูเขียนให้เติมลมยาง ด้านหน้า 42 ด้านหลัง 47 แล้วคนในคลับ Hyundai ชอบแนะนำกันให้เอาลมออก เหลือแค่ 38 ยอมรับครับว่านิ่มจริงๆ (แต่ยังมีเด้งนะ) ยางมันเลยบวมกันมาก และระเบิดก่อนวัยอันควรของมันนะครับ ดังนั้นสิ่งที่ต้องแก้ไขคือ เปลี่ยนโช้ค และสปริง ครับ

โดยผมก็หาข้อมูลมามากพอควรและมาจบที่ชุดนี้ ซึ่งพอไปใส่ ราคาก็แอบแรงอยู่ เฉพาะ โช้ค 4 ต้น 3xxxx ปลายๆแล้วครับ ส่วนสปริง 1 ชุด ก็ 15xxx แล้วครับ รวมๆ จนเลย

สิ่งที่ได้มาคือ โช้คอัพซับแท้ง มีแท้งสำหรับใส่ลมไนโตรเจน สามารถให้ร้านปรับระดับได้ว่าลมเท่าไหร่ดี ซึ่งผมลองที่หน้า 12 หลัง 8 ก็ถือว่าดีกว่าเดิมมาก จับคู่กับสปริงไอบัคที่นุ่มขึ้น

ผลที่ได้ พอใจเกิน 50% ครับ มันยังเด้งนะ แต่ดีกว่าเดิมมากๆๆๆๆๆๆ ถ้านั่งกันแบบครบๆคน 7 คน มันจะนิ่มมาก แต่ถ้าโดนถนนปูนก็เด้งอยู่พอควร

คือเดิมๆนี่ผมไปทดลองขับวันแรก ขับไปใกล้ๆแค่ราวๆ 3 กม. พอลงจากรถแทบอ๊วก มันเหมือนเด้งๆอยู่กับที่ ทำให้เวียนหัวมากๆ พอโดนชุดนี้เข้าไป ผมก็ให้เค้าใส่ลมหลายๆแบบนะครับ จนมาจบที่ หน้า 12 หลัง 8 นี่แหละ ทำให้ความรู้สึกเด้งมันลดน้อยลง คนนั่งข้างหลังก็ว่านุ่มใช้ได้ ไม่เวียนหัว

แต่ก็มีเพื่อนๆสมาชิกแนะนำไปทำถุงลมกันนะครับ ใส่แทนสปริง คู่กับโช้คอัพเดิม ก็น่าลองครับ แต่ถุงลมก็แพงเอาเรื่องเหมือนกันไปเก็บตังก่อนคับ

ข้อไม่ดีของโช้คอัพระบบซับแท้งคือ ต้องกลับไปให้ร้านเช็คลมทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพราะลมมีโอกาสหายได้ครับ แต่เท่าที่ผมใช้มาก็ยังไม่มีอาการอะไร และลมลองไปเช็คดูก็ยังคงเดิม

ข้อดี - ข้อเสีย

ข้อดี
1. เป็นรถครอบครัวที่ราคาสมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่ผมคิดว่ามีในท้องตลาด
2. สวยที่สุดในราคานี้
3. ขายมาหลายปี Body เดิมๆ แถมขายได้เป็นอันดับ 1 ของรถตู้ทุกเดือน ช่างน่าจะมีประสพการณ์ในการซ่อมสูงมากแล้ว แถมเครื่องดีเซล น่าจะอึด
4. ของแต่งรถตู้เยอะมาก
5. การกินน้ำมันจากการใช้งานใน กทม. ด้วยการขับแบบเต่าคลายผสมเต่าหลับ ได้ราวๆ 9 กม. ต่อลิตร ซึ่งพอมันเป็นน้ำมันดีเซล มันเลยแอบประหยัด สำหรับออกต่างจังหวัดแบบคนรักครอบครัวขับไม่เกิน 120 กม./ชม. แบบผม ได้ 12-13 กม. / ลิตร
6. เครื่องดีเซลที่เสียงเงียบพอสมควร
7. ความสะดวกสบายของเก้าอี้ทำได้ดีมาก (แม้ผมจะถอดมันออกเปลี่ยนเป็น VIP มันจำเป็นจริงๆอะ เมียสั่ง)
8. ความสะดวกสบายของเครื่องเสียงดีมาก มีระบบ Smart View มาช่วยการจอดรถ
9. แม่มแรงมาก ถ้าขับคนเดียวแอบกดๆมาก็มันส์พอสมควรขับไปไหลไปได้เรื่อยๆ

ข้อเสีย
1. โครตเด้ง โช้คอัพเดิมๆนั่งแล้วอ๊วกแทบพุ่งถ้าไม่ได้นั่งกันเยอะๆ
2. ประตูไฟฟ้ามีปัญหาบางคันนะครับ แต่ Hyundai ก็รับผิดชอบแก้ไขดีนะครับ สมาชิกในคลับไปเคลมกันก็ได้เสียงตอบรับกลับมาดี
3. เก็บเสียงได้ห่วยมาก คือขับไปเสียงลมเข้ามาแรงมาก แทบไม่ได้ยินเสียงวิทยุเลยทีเดียวทั้งๆที่ขับแค่ 100-120
4. เครื่องเสียงที่ผมใช้ค้างบ่อยมากๆ โดยเฉพาะระบบ Smart View มันไปค้างภาพระหว่างทางมาตอนไหนก็ไม่รู้ พอจะใช้งานดันใช้ไม่ได้ ต้องดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ (เหมือนรีเซ็ตมัน) ถึงหาย
5.ยางติดรถ ห่วยค่อนไปทางห่วยแตก อยากให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นจริงๆ

เหมือนเดิม

1. ข้อมูลทั้งหมดออกมาจากผู้บริโภคคนนึงที่ซื้อสินค้าเอง จ่ายเงินเอง รีวิวเอง บ่นเอง ดังนั้นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครนะครับ

2. ภาพที่ผมถ่ายแบบห่วยๆ ใครอยากเอาภาพไปใช้ เชิญเลยครับถ้าผ่านมาอ่าน

3. การที่ผมให้ข้อมูลต่างๆ ถ้ามีอะไรผิดพลาด กรุณาแจ้งครับ ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง เพราะผมก็เข้าใจแบบนี้ ธรรมดาของผู้บริโภคคนนึง ที่ไม่ได้เข้าใจสุดๆเหมือนเจ้าของผลิตภัณฑ์

4. ถ้ามีการพาดพิงถึงใครและไม่พอใจ แจ้งได้นะครับ ยินดีเอาข้อมูลออกครับ เพราะ Blog นี้ผมพิมพ์ไว้อ่านเองอยู่แล้ว






9 ความคิดเห็น:

  1. รบกวนสอบถามครับ ทำรางเลื่อนเบาะแถว 3 ร้านไหนครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. NR autoseat ที่ทำเบาะคนป่วยเลยครับ

      ลบ
  2. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

    ตอบลบ
  3. เช่นกันครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ

    ตอบลบ
  4. รบกวนสอบถามเรื่อง โช๊ค Hotbits + สปริง ไอบัค ตอนนี้ยังใช้ดีอยู่ไหมครับ ว่าจะลองทำบ้าง หรือมีข้อเสนอแนะอื่นบ้างไหมครับ

    ตอบลบ
  5. ขออนุญาต เจ้าของบล็อก นำเรื่องที่เขียน ไปแชร์ ต่อนะครับ

    ตอบลบ
  6. วันนี้ 05/04/2019 กำลังจะออก elite อ่านข้อมูลจนตาบวม บทความของคุณสรุปดีมากครับ ทุกวันนี้ยังใช้ H1อยู่หรือเปล่าครับ

    ตอบลบ
  7. มีปุ่มกดฝาน้ำมันH1(สวิสกดฝาน้ำมัน)ที่ไหนขายบ้างค่ะ กดแล้วปุ่มหลุดค่ะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณที่นำข้อมูลมาให้ได้อ่านและผมก็อยากใส่เบาะvipอยู่พอดี เพื่อ สว พ่อตาแม่ยาย จะได้นั่งสบาย อนาคตตัวเองด้วยครับ

    ตอบลบ